Thailand Web Stat

SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 11 เมษายน 2567

🟣Morning Update by SCBAM

📊 Major Equity Indices: S&P500-0.95%, NASDAQ-0.84%, Russell2000-2.52%

STOXX600+0.15%, Nikkei225-0.48%, HSCEI+2.06%, CSI300-0.81%, NIFTY+0.49%, SET+0.50%, VNINDEX-0.34%, TH Reits+0.03%

📊 Sector Return: Energy-XLE(+0.31%), Consumer Staples-XLP(-0.36%), Communication Services-XLC(-0.79%), Technology-XLK(-1.23%), Utilities-XLU(-1.71%), Real Estate-XLRE(-4.11%)

📊 USBY2Y 4.97%, USBY10Y 4.54%, WTI $86.21/bbl, Gold $2,334.04/oz, DXY 105.25

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงรับการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาด เพิ่มโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยน้อยกว่าแผนการเดิม

📰 ดัชนีเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐฯ (CPI) เดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปีสูงกว่าคาดและเดือนก่อน (3.5% vs 3.4% vs 3.2%YoY) และเมื่อเทียบรายเดือนสูงกว่าคาดแต่เท่ากับเดือนก่อน (0.4% vs 0.3% vs 0.4%MoM)

📰 สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ (Core CPI) เดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปีสูงกว่าคาดแต่เท่ากับเดือนก่อน (3.8% vs 3.7% vs 3.8%YoY) ส่วนเมื่อเทียบรายเดือนสูงกว่าคาดแต่เท่ากับเดือนก่อน (0.4% vs 0.3% vs 0.4%MoM)

⏭️ การรายงานดังกล่าวถือเป็นปัจจัยลบต่อตลาดการเงินระยะสั้น เพิ่มโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยน้อยกว่า Dot Plot รอบล่าสุดที่ 3 ครั้งในปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool สะท้อนมุมมองของนักลงทุนต่อการลดดอกเบี้ยในปีนี้เหลือเพียง 2 ครั้งและจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดจะเริ่มลดเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ปัจจัยมหภาคโดยรวมยังคงสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป (Soft Landing + Fed Cut Rates) มองเป็นโอกาสทยอยสะสมธีมที่แนะนำเมื่อตลาดปรับย่อตัวลงมา

📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกลบสลับกันไป Fitch Ratings ปรับลดความน่าเชื่อถือจีนลงกดดันการลงทุนตลาดหุ้นจีนในประเทศ แต่ตลาดหุ้นจีนฮ่องกงกลับปรับบวกแรงทะลุแนวต้านสำคัญทางเทคนิค ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับบวกต่อเนื่องรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

📰 Fitch Ratings ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของจีนลงสู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” จากความกังวลระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้น จากความพยายามกอบกู้เศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ทั้งนี้ Fitch คาดการณ์ว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางจีนจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.1% ของ GDP ในปี 2024 จากระดับ 5.8% ในปี 2023 และคาดการณ์ว่า GDP จีนจะชะลอลงสู่ระดับ 4.5% ในปีนี้จากระดับ 5.2% ในปีก่อน

📰 ยอดส่งออกไต้หวันเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 18.9%YoY สูงกว่าคาดที่ 8.5% ถึง 2 เท่า และเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.3% ในเดือนก่อน ได้รับแรงหนุนหลักจากความต้องการ AI ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวั ทั้งนี้กระทรวงการคลังไต้หวันคาดว่าการส่งออกจะเติบโตต่อเนื่องโดยจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 8% – 11% ในเดือนเม.ย.

📰 TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกเผยยอดขายไตรมาสแรก +16%YoY สูงสุดในรอบกว่า 1 ปี หนุนด้วยความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2024 จะเติบโตอย่างน้อย 20% จากปีก่อน หลังบริษัทเผชิญภาวะยอดขายชะลอตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ติดตามการรายงานงบอย่างเป็นทางการของบริษัทที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 เม.ย. เพื่อรอดูแนวโน้มกำไรและ Guidance เพิ่มเติมจากทางบริษัท

⏭️ ทั้งยอดส่งออกไต้หวันและยอดขายของ TSMC สะท้อนความต้องการ AI ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง สนับสนุนธีมการลงทุนหลักของเราในปีนี้อย่าง “AI Spreading”  โดยสามารถทยอยสะสมกองทุนในธีมดังกล่าวเมื่อตลาดปรับย่อ ซึ่งได้แก่กองทุน SCBDIGI, SCBSEMI, SCBROBOA และ SCBUSA

📰 ผลการประชุมกนง. มีมติที่ 5 ต่อ 2 เสียง (5 เสียงโหวตคงส่วนอีก 2 เสียงโหวตลดดอกเบี้ย) คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 2.50% ซึ่งเป็นไปตาม Bloomberg Consensus คาด

📰 นายกแถลงหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบาย Digital Wallet ครั้งที่ 3/2567 ว่ารัฐบาลประกาศขอเริ่มต้นการทำนโยบายดังกล่าววันนี้ โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าในไตรมาสที่ 3 และเริ่มต้นโครงการในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 โดยจะให้ครอบคลุมประชาชนที่ได้รับสิทธิ 50 ล้านคน ใช้วงเงิน 5 แสนล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจากงบประมาณทั้งหมด

⏭️ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐทยอยออกมาทั้งคาดว่าจะช่วยหนุน sentiment การลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ขณะที่ผลการประชุม กนง. แม้รอบนี้มีมติคงดอกเบี้ย แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า ซึ่งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในอนาคต

🔰 Outlook & Implication

✅️ ดัชนีเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาทั้งฝั่งแรงงานที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดเริ่มปรับความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้ลง ซึ่งอาจทำให้ตลาดการเงินมีความผันผวนสูงขึ้นระยะสั้น แต่เรามองเป็นโอกาสทยอยสะสม บนสมมุติฐานหลักว่าเศรษฐกิจไม่ถดถอยและเริ่มลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะข้างหน้า โดยนักลงทุนกลับมาติดตามงบ 1Q24 ที่จะเริ่มทยอยรายงานช่วงกลางเดือนนี้

✅️ สำหรับสินทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มดอกเบี้ยอย่าง Bonds และ REITs เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น หลังนักลงทุนเริ่มปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยในปีนี้มาใกล้เคียงกับมุมมองของ Fed แล้วดังนั้นจึงเป็นจังหวะทยอยสะสมหนึ่งในธีมหลักของเรา “Attractive Yield Plays” กองทุนแนะนำ SCBDBOND (กองตราสารหนี้ในประเทศ), SCBINC (กองตราสารหนี้โลก) และ SCBPINA (กอง REITs ไทยและสิงคโปร์)

✅️ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนี KOSPI ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านที่ 2,690 จุด ส่งผลต่อภาพทางเทคนิคดูดีมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนจากการฟื้นตัวของ Semiconductor Cycle และ Value Up program ที่คาดว่าจะช่วยปลดล็อคมูลค่าของบริษัทในตลาดเหมือนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ประกอบกับระดับมูลค่าที่ไม่แพง เราจึงแนะนำลงทุนหุ้นเกาหลีใต้ผ่านกองทุน SCBKEQTG

✅️ ตลาดหุ้นจีนฮ่องกง ดัชนี HSCEI ปรับตัวทะลุแนวต้านสำคัญเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วันขึ้นมาได้ ส่งผลให้ภาพทางเทคนิคดูดีขึ้น หลังนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมามีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนมากขึ้นและการทยอยประกาศซื้อหุ้นคืนจำนวนมากของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีของจีน ช่วยเพิ่ม sentiment บวกต่อการลงทุน โดยเรามองว่าโมเมนตัมบวกดังกล่าวอาจยังดำเนินต่อไป สร้างโอกาสเก็งกำไรระยะสั้นสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง กองทุนแนะนำ SCBCEH (กองทุน passive ล้อไปกับดัชนี HSCEI)

 

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก