Thailand Web Stat

UOBAM : Daily Update 11 มกราคม 2567

Daily Update 11 มกราคม 2567

— ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (10 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,695.73 จุด เพิ่มขึ้น 170.57 จุด หรือ +0.45%

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,783.45 จุด เพิ่มขึ้น 26.95 จุด หรือ +0.57%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,969.65 จุด เพิ่มขึ้น 111.94 จุด หรือ +0.75%

— หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์, เมตา แพลตฟอร์มส์ และอินวิเดีย พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 4% เมื่อคืนนี้

สำหรับหุ้นเมตา แพลตฟอร์มนั้น นอกจากจะได้รับแรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรแล้ว หุ้นเมตายังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักวิเคราะห์ของบริษัทมิซูโฮปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเมตาขึ้นสู่ระดับ 470 ดอลลาร์ จากระดับ 400 ดอลลาร์ โดยหุ้นเมตาพุ่งขึ้น 3.6% ปิดที่ระดับ 370.47 ดอลลาร์

หุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 2.28% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัท TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่เปิดเผยรายได้ที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2566

หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 0.92% โดยราคาหุ้นฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงทั้งสิ้น 9.3% ในช่วง 2 วันก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) สั่งระงับการใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ประสบเหตุชิ้นส่วนผนังเครื่องบินหลุดกลางอากาศและต้องร่อนลงจอดฉุกเฉิน

หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนร่วงลง โดยหุ้นไรออท แพลตฟอร์มส์ (Riot Platforms) ร่วงลง 1.21% หุ้นคอยน์เบส (Coinbase) ลดลง 0.46% และหุ้นมาราธอน ดิจิทัล (Marathon Digital) ปรับตัวลง 0.4% หลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) แถลงว่า บัญชีโซเชียลมีเดีย X ของ SEC ได้ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีเจาะเข้าใช้งาน และโพสต์ข้อความที่เป็นเท็จว่า SEC ได้อนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF แล้ว

— นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย และในวันพรุ่งนี้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค. ในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทยเช่นกัน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2566 ของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก

— นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) ของแบงก์ ออฟ อเมริกา อาจลดลง 23% ในไตรมาส 4/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะเดียวกันคาดว่า EPS ของซิตี้กรุ๊ปและมอร์แกน สแตนลีย์ อาจลดลง 25% และ 17% ตามลำดับ และคาดว่า EPS ของเจพีมอร์แกน อาจลดลง 3% และ EPS ของโกลด์แมน แซคส์ อาจลดลง 2%

 

แหล่งที่มา : UOBAM

แหล่งข้อมูล: บล.เว็ลธ์ เมจิก