- ข้อมูลในเว็บไซต์ WealthMagik มีความน่าเชื่อถือได้ขนาดไหน
WealthMagik ได้คัดเลือกข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ โดยเฉพาะ ข้อมูลกองทุนรวมแต่ละกองที่ได้รับ โดยตรงจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
- ทาง Wealthmagik สามารถแนะนำกองทุน ที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ เป็นรายวัน หรือรายสัปดาห์เลย ได้หรือไม่
เนื่องจากผู้ลงทุนแต่ละท่านมีระดับการยอมรับ ความเสี่ยงในการลงทุนที่ต่างกัน กองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ย่อมมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น การประเมินการยอมรับความเสี่ยง เป็นสิ่งที่จำเป็น ก่อนที่จะไปค้นหากองทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละท่านต่อไป สำหรับผลตอบแทนของกองทุนแต่ละกอง WealthMagik แสดงจะข้อมูลผลตอบแทนล่าสุดให้กับท่านตลอด
- มือใหม่หัดลงทุนควรเริ่มจากอะไร
สามารถศึกษาได้จาก https://classic.wealthmagik.com/PrivateWealthHome.aspx
- กองทุนรวมหุ้นทุนระยะยาว (LTF) คืออะไร
LTF ย่อมาจาก Long Term Equity Fund เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้น โดยทางการสนับสนุนให้จัดตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนผู้ลงทุนสถาบัน (ซึ่งก็คือกองทุนรวม) ที่จะลงทุนระยะยาวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทุนใน LTF ที่เป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจในการลงทุน
- ข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์การลงทุนใน LTF
สำหรับ LTF (สามารถลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีได้ถึงปี 2562 เท่านั้น)
- ลงทุนสูงสุดได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น และไม่เกิน 500,000 บาท
- ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน (เริ่มลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ถึง 31 ธันวาคม 2562 ) แต่หากลงทุนก่อนหน้านั้น เกณฑ์คือถือครบ 5 ปีปฏิทินก็จะสามารถขายคืนได้ไม่ผิดเงื่อนไข
- การขายคืนจะดำเนินการโดยใช้หลักเกณฑ์ “เข้าก่อนออกก่อน” (FIFO)
- หากผิดเงื่อนไขการลงทุน LTF จะเป็นอย่างไร ?
- หากลงทุนไม่ถึง 7 ปีปฏิทิน (ยกเว้นทุพพลภาพหรือเสียชีวิต) กำไรที่ได้จากการขายคืน จะต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะหักภาษี ณ ที่จ่ายเบื้องต้น 3% และคืนเงินภาษีที่เคยได้รับยกเว้นทั้งหมดทันทีที่ผิดเงื่อนไข และจ่ายเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของจำนวนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้น โดยคิดย้อนหลังตั้งแต่เดือน เม.ย. ของปีที่ยื่นขอลดหย่อนภาษี จนถึงเดือนที่มีการยื่นคืนภาษี (ขายคืนหน่วยลงทุน)
- หากซื้อกองทุน LTF เกินเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด กำไรจากการขายคืนในส่วนที่เกิน จะต้องนำไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษี
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) คืออะไร
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ย่อมาจาก Retirement Mutual Fund เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการออมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ ที่ทางการให้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เงื่อนไขการลงทุนเป็นอย่างไร
เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี มีเงื่อนไขการลงทุนดังนี้
- เงื่อนไขหลักคือ ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง และต้องมีอายุครบ 55 ปี ถึงจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนมาใช้ได้
- ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง หรืออย่างน้อยที่สุดคือปีเว้นปี ถ้าเว้นมากกว่าหนึ่งปีจะถือว่าทำผิดเงื่อนไข
- ไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำต่อปี สามารถซื้อได้ตามขั้นต่ำของกองทุน จากที่ก่อนหน้านี้ต้องซื้อขั้นต่ำ 3% ของเงินได้ หรือไม่เกิน 5,000 บาท
- RMF ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินทั้งปี และเมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
(การนับ 5 ปีให้นับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุนเท่านั้น กล่าวคือ ปีใดไม่ลงทุนจะไม่นับว่ามีอายุการลงทุนในปีนั้น ๆ)
- กรณีที่ผู้ลงทุนถือหน่วยลงทุนครบ 5 ปี และมีอายุครบ 55 ปีแล้ว สามารถที่จะลงทุนต่อได้หรือไม่ และจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือไม่
สามารถลงทุนต่อได้ โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากเงินที่นำมาลงทุนเป็นเงินได้ในประเภทที่กำหนด และไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุนเรื่องจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ และการลงทุนสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้งอีกต่อไป คือสามารถลงทุนทุกปี แต่ยังมีเงื่อนไขว่าจำนวนเงินที่จะนำไปยกเว้นภาษีในแต่ละปี จะต้องไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินทั้งปี และเมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ลงทุนหากมีการผิดเงื่อนไขการลงทุน
ผู้ลงทุนต้องดำเนินการ ดังนี้
- กรณีที่ลงทุนไม่ถึง 5 ปี และมีการผิดเงื่อนไข – ต้องคืนเงินภาษีทั้งหมดทุกปี ที่ได้รับยกเว้นไป – เมื่อขายคืนหน่วยลงทุน ต้องนำกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (capital gain) ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ซึ่งในทางปฏิบัติ เมื่อผู้ลงทุนขายคืน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ของกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนไว้ก่อน และเมื่อผู้ลงทุนไปยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ ก็จะคำนวณอีกครั้งว่าจะต้องจ่ายเงินภาษีเพิ่มอีกหรือไม่ อย่างไร
- กรณีที่ลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และมีการผิดเงื่อนไข – ต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นไปในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (นับตามปีปฏิทิน) การชำระภาษีตาม 1. และ 2. ต้องชำระภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ผิดเงื่อนไข และ / หรือ ขายคืนหน่วยลงทุน
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีข้อแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วๆ ไปอย่างไร
- จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากมีการลงทุนเป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางการกำหนด
- หากลงทุนไม่ถึง 5 ปี กำไรที่ได้จากการลงทุน (capital gain) ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีนโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร
มีให้เลือกหลากหลายเหมือนกองทุนรวมทั่วไป ตั้งแต่กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร กองทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง ที่ผสมผสานระหว่างการลงทุนในตราสารหนี้ และตราสารทุน ไปจนถึงกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง เน้นลงทุนในตราสารทุน
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เหมาะกับใคร
เหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยังไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณมารองรับ เช่น คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) รวมทั้งผู้ที่มีสวัสดิการดังกล่าวแล้ว แต่มีความประสงค์ที่จะออมเพิ่มเติมให้มากขึ้น
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อย่างไรที่เรียกว่าผิดเงื่อนไขการลงทุน
- ระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน ทั้งที่ยังคงมีเงินได้ หรือ
- จำนวนเงินลงทุนไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หรือ
- ขายคืนหน่วยลงทุนก่อนที่ผู้ลงทุนจะอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามข้อใดข้อหนึ่ง ก็ถือว่าผิดเงื่อนไขการลงทุนแล้ว ยกเว้น กรณีที่ผู้ลงทุนเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ จะไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขการลงทุน
- กรณีที่ปีใดไม่มีเงินได้ หรือไม่มีเงินได้ติดต่อกันหลายปี จำเป็นต้องลงทุนหรือไม่
ไม่ต้องลงทุน โดยไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขการลงทุน
- ต้องลงทุน RMF กองทุนเดียวไปตลอด หรือต้องลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมเดียวไปตลอดหรือไม่ และถ้าหยุดลงทุนในกองทุนเดิม เพื่อไปลงทุนในกองทุนใหม่ได้เลยหรือไม่
ไม่จำเป็นต้องลงทุน RMF กองทุนเดียวไปตลอด สามารถลงทุนในกองทุนอื่นซึ่งจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมอื่นได้ด้วย โดยอาจลงทุนในกองทุนเดิมต่อ หรือหยุดลงทุนก็ได้ ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขข้างต้น
- กรณีลงทุนหลายกองทุนจำเป็นต้องลงทุนทุกกองทุนในทุก ๆ ปีหรือไม่
ไม่จำเป็นต้องลงทุนทุกกองทุน แต่สามารถนำยอดเงินลงทุนของหลายกองทุนมารวมกันได้ โดยไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน และเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุน SSF คืออะไร?
กองทุน SSF (Super Saving Funds) คือ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว
- ลงทุนในอะไรบ้าง
ลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงตราสารหนี้และกองทุนรวม ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่า LTF ที่กำหนดให้ลงทุนในหุ้นสามัญภายในประเทศ
- สิทธิประโยชน์
- สามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้และไม่เกิน 200,000 บาท
- ไม่กำหนดจำนวนขั้นตํ่าในการซื้อ และไม่บังคับซื้อต่อเนื่อง
- มีเงื่อนไขต้องถือหน่วยลงทุน 10 ปี ขึ้นไปนับจากวันที่ซื้อ
- หากลูกค้าลงทุนผิดเงือนไข SSF จะต้องทําอย่างไร ?
หากผิดเงื่อนไข SSF จะถือว่าการลงทุน ไม่เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร สิทธิประโยชน์ ทางภาษีที่ผู้ลงทุนได้รับจะสิ้นสุดลง โดยผู้ลงทุนต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับพร้อมเงินเพิ่ม ตัวอย่าง การลงทุนของลูกค้า ดังนี้
- ซื้อปี 2563 จำนวน 10,000 บาท
- ซื้อปี 2564 จำนวน 20,000 บาท
- ซื้อปี 2565 จำนวน 30,000 บาท
ต่อมาขายออกปี 2566 จำนวน 10,000 บาท ถือเป็นการขายหน่วยลงทุนของปี 2563 (FIFO) ผู้ถือหน่วยจะต้องยื่นภาษีเงินได้ของปี 2563 เพิ่มเติ่มซึ่งเป็นเฉพาะปีภาษีที่ผิดเงื่อนไข
- กองทุน SSFX คืออะไร?
กองทุน SSFX ( Super Saving Funds Extra ) คือ กองทุนเฉพาะกิจที่เปิดขายในช่วง 3 เดือนนี้ หรือ ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 โดยมีเงื่อนไขการถือครองเช่นเดียวกับ SSF นั่นก็คือ 10 ปี
ซึ่งการซื้อ SSFX จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจากยอด 500,000 บาท โดยไม่มีการกำหนดอัตราลดหย่อนจากรายได้ แต่จำกัดวงเงินที่จะลดหย่อนสูงสุด 200,000 บาท สำหรับคนที่สนใจ การซื้อ SSFX ในตอนนี้ หมายถึงการเข้าลงทุนในจังหวะที่ราคาหุ้นเฉลี่ยต่ำสุดในรอบหลายปี และยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติมจากการซื้อกองทุนประเภทอื่นอีกด้วย
- ลงทุนในอะไรบ้าง
กองทุน SSFX มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย สัดส่วนไม่น้อยกว่า 65 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) มาพร้อมกับเงื่อนไขพิเศษที่เปิดให้ผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนได้ภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย.2563 ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนบาท (ไม่รวมกับวงเงินซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน SSF แบบปกติ) โดยมีระยะเวลาการถือครอง 10 ปี นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน
- เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง SSF และ SSFX
ลดหย่อนภาษี ด้วยกองทุนใหม่ เทียบให้ชัด กองทุน SSF – SFFX กองทุนเพื่อการออม ลดหย่อนภาษีเพิ่มพิเศษ แบบไหนเหมาะกับคุณ
ระยะเวลาใช้สิทธิ
- SSF : ลงทุนได้ตั้งแต่ปี 2563-2567
- SSFX : ลงทุนได้ตั้งแต่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น
นโยบาย
- SSF : ลงทุนหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท
- SSFX : รับความผันผวนจากหุ้นได้(ลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65%)
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- SSF : ลดหย่อนภาษีเพิ่มสูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน (แต่ไม่เกิน 200,000 บาท)
- SSFX : ลดหย่อนภาษีเพิ่มสูงสุด 200,000 บาท(เพิ่มจากวงเงิน SSF ปกติ)
อย่างไรก็ตาม ทั้งกองทุน SSF แบบปกติ & SSF แบบพิเศษ เหมาะกับคนอายุต่ำกว่า 50 ปี ที่มีเงินลงทุนระยะยาวได้ เพราะเงื่อนไขของ SSF ต้องถือครองขั้นต่ำ 10 ปี เทียบง่ายๆ ถ้าอายุ 50 ปีขึ้นไป แล้วซื้อ SSF หรือ SSFX ก็ต้องถือไปอีก 10 ปี ดังนั้นถ้าอายุ 50 การเลือกกองทุน RMF อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า เพราะถือเพียง 5 ปี
- ลูกค้าสามารถซื้อทั้ง SSF พิเศษ และ SSF ปกติพร้อมกัน ในช่วง 1 เม.ย – 30 มิ.ย. 2563 ได้หรือไม่?
ลูกค้าสามารถซื้อทั้ง SSF พิเศษ และ SSF ปกติ พร้อมกันได้ ภายใต้เงื่อนไขการลงทุน SSF คือ
- ซื้อ SSF พิเศษได้ไม่เกิน 200,000 บาท
- ซื้อ SSF ปกติได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท (เมื่อรวม SSF ปกติกับ PVD, RMF, ประกันบำนาญ หรือกองทุนเกษียณอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท)
โดยการลงทุนใน SSF พิเศษ และ SSF ปกติ ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ (วันชนวัน)
- ลูกค้าสับเปลี่ยน SSF พิเศษ ไปกองทุนไหนได้บ้าง?
ลูกค้าสามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน จากกองทุน SSF พิเศษ ไปยังกองทุน SSF พิเศษอื่นได้เท่านั้น (ไม่สามารถสับเปลี่ยนไป SSF ปกติได้) โดยบลจ.จะเปิดให้ทํารายการขายคืนหรือสับเปลี่ยนออกได้ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง (ทั้งนี้การขายคืนก่อนครบ 10 ปี นับจากวันที่ซื้อถือว่า การลงทุนดังกล่าว ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร)
- ลูกค้าสามารถซื้อ SSF พิเศษ หรือ SSF ปกติหลายกองทุน หรือ หลาย บลจ.ได้หรือไม่?
ลูกค้าสามารถกระจายซื้อ SSF พิเศษ หรือ SSF ปกติ ได้หลายกองทุน หรือหลาย บลจ. ได้ แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่สามารถใช้สิทธิได้
- ต้องการสมัครสมาชิกต้องทำอย่างไรบ้าง
ท่านสามารถสมัครเป็นสมาชิก WealthMagik ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยท่านสามารถสมัครสมาชิกได้ 3 วิธี
- สมัครโดยใช้ Username&Password
- สมัครโดย Log in With Facebook
- สมัครโดย Sign in with Google
- เมื่อทำการสมัครสมาชิกในระบบลงทะเบียน online แล้วระบบแจ้งเตือนว่า “ท่านเคยสมัครสมาชิกแล้ว” หมายความว่าอย่างไร
ระบบจะตรวจสอบชื่อ Username และ/หรือ E-mail address ว่าเคยมีอยู่ในระบบหรือไม่ ผู้ใช้งานควรใช้ Username และ/หรือ E-mail address อื่นที่ไม่ซ้ำกับในระบบที่มีอยู่แล้ว
- หากระบบแจ้งเตือนว่า “ท่านเคยสมัครสมาชิกแล้ว” แต่จำ Username เพื่อ log in ไม่ได้ จะต้องทำอย่างไร
ให้ผู้ใช้ระบบเข้าใช้งานส่วน Forgot Username or Password เพื่อกรอก E-mail address ที่เคยแจ้งไว้ตอนสมัคร ระบบจะส่ง Username เดิมและ Password ใหม่เพื่อใช้ในการ log in ไปที่ E-mail address ดังกล่าว
- ต้องการเปลี่ยน Username และ Password ได้หรือไม่
ท่านไม่สามารถเปลี่ยน Username ได้ แต่สามารถเปลี่ยน Password ได้ด้วยตนเอง โดยทำการ log in เข้าสู่ระบบลงทะเบียน และเลือกเมนู “เปลี่ยนรหัสผ่าน” ระบุ Password เดิม และใส่ Password ใหม่ที่ต้องการ ระบบจะบันทึกให้ท่านและสามารถใช้ Password ใหม่ได้ทันที
- ลืม Password ควรทำอย่างไร
ให้ผู้ใช้ระบบเข้าใช้งานส่วน Forgot Username or Password เพื่อกรอก E-mail address ที่เคยแจ้งไว้ตอนสมัคร ระบบจะส่ง Username เดิมและ Password ใหม่เพื่อใช้ในการ log in ไปที่ E-mail address ดังกล่าว
- วิธีการลบข้อมูลใน Consolidated Portfolio
- คลิกเมนู ประวัติการทำรายการและเงินปันผล ในหน้า Consolidated Portfolio
- ค้นหารายการที่ต้องการลบ โดยระบบจะแสดงรายการย้อนหลัง 90 วัน หากรายการที่ต้องการลบเกิน 90 วันให้ทำการเปลี่ยนวันที่มีผล ตั้งแต่ ถึง เพื่อหาช่วงเวลาที่มีการทำรายการ แล้วกด Search ให้มีข้อมูลปรากฎ สามารถคลิกรูปถังขยะลบข้อมูล
- วิธีการต้องการ Sync Port จาก Trading WealthMagik
- คลิกที่ Consolidated Portfolio แล้วเลือกพอร์ตที่ต้องการจะ sync กดรูป รายละเอียดพอร์ต
- คลิกที่ sync รายการจาก Trading ระบบ จะทำการดึงรายการซื้อขายจาก Trading เข้าสู่พอร์ต
- WealthMagik Service คืออะไร
เป็นผู้ช่วยให้คุณติดตามพอร์ตลงทุน ทั้งกองทุน หุ้น หุ้นกู้ ได้ในที่เดียว พร้อมฟีเจอร์ช่วยวางแผน เช็คสุขภาพ และปรับพอร์ตให้ดีขึ้น
- เหมาะกับใคร
นักลงทุนที่มีสินทรัพย์การลงทุนหลายที่ หลายโบรคเกอร์ ต้องการความสะดวกในการติดตามดูแล หรือนักลงทุนที่ต้องการดูแลพอร์ตลงทุนเอง โดยไม่ต้องพึ่งที่ปรึกษาการลงทุน พร้อมรับคำแนะนำที่เป็นกลาง ใช้งานได้ทุกคน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีกับ WealthMagik ก็ใช้บริการได้
- ค่าบริการ
- เริ่มต้นใช้งานฟรี สำหรับพอร์ตกองทุน พอร์ตหุ้น พอร์ตหุ้นกู้ อย่างละ 1 พอร์ต และรายงานรวมสินทรัพย์ 1 รายงาน
-
สามารถอัพเกรดเป็น WealthMagik Service Professional
- Portfolio Premium 99 บาท / เดือน
- Portfolio Premium 249 บาท / 3 เดือน
- Portfolio Premium 479 บาท / 6 เดือน
- Portfolio Premium 949 บาท / 12 เดือน
- วิธีการชำระเงิน
สามารถชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ VISA, MasterCard หรือ JCB
- วิธีการแจ้งปัญหาการใช้งาน
สามารถติดต่อสอบถาม WealthMagik ได้ ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
- email : [email protected]
- Inbox Facebook : fb.com/WealthMagik
- Line id : @WealthMagik
- Tel : 0-2861-5508 กด 0 เพื่อติตต่อเจ้าหน้าที่
ทางทีมงานจะรีบติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด ในวันและเวลาทำการ
- วิธีการเปิดบัญชี
ขั้นตอนเปิดบัญชีกองทุน
- กรอกข้อมูลเปิดบัญชี
- ส่งเอกสารคำขอเปิดบัญชี
- รออนุมัติเปิดบัญชี ภายใน 3 วันทำการ (หากเอกสารและข้อมูลถูกต้องเรียบร้อย)
ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.WealthMagik.com/MyTrade.aspx
- ค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ผ่าน WealthMagik
ใช้บริการผ่าน WealthMagik ไม่เสียค่าธรรมเนียม/ค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น โดยราคาที่ได้เป็นราคาเดียวกับที่ซื้อผ่านเคาเตอร์ธนาคาร สำหรับค่าธรรมเนียมกองทุนจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่บลจ.ประกาศไว้ในหนังสือชี้ชวน
- สามารถซื้อขายกองทุน บลจ.บัวหลวง, ทิสโก้, ASSET PLUS
ปัจจุบันทาง WealthMagik ยังไม่ได้เป็นตัวแทนขายกับ บลจ.ดังกล่าว ซึ่งในอนาคตเราจะพยายามเป็นตัวแทนขายให้ครบทุกบลจ.เพื่ออำนวยความสะดวกและเป็นทางเลือกในการลงทุนให้ลูกค้า แต่เนื่องจากยังติดเรื่องเงื่อนไขของการรับตัวแทนขายและ ระบบการทำงานที่ไม่ตรงกัน
- วิธีซื้อขายกองทุน
ซื้อขายกองทุนได้ทั้งทางแอปพลิเคชั่น WealthMagik Trading หรือ
https://trading.WealthMagik.com
ดูเพิ่มเติมที่
https://trading.WealthMagik.com/manual/subscription.html
- การสมัครตัดบัญชีอัตโนมัติ (ATS)
- ระยะเวลาในการอนุมัติหักบัญชีอัตโนมัติ (ATS) รอผลอนุมัติ 3-4 สัปดาห์ หลังจากได้รับเอกสารฉบับจริงเพื่อ นำส่งบลจ.ต้นทาง
- เพื่อความรวดเร็วในการสมัครหักบัญชีอัตโนมัติ (ATS) สามารถสมัครผ่านตู้ ATM ได้ โดยดูรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ https://trading.WealthMagik.com/manual/atm-table-of-contents.html หลังจากสมัครผ่านตู้ ATM เรียบร้อยแล้ว ส่งหลักฐานการสมัครผ่านยัง Email : [email protected]
- วิธีการโอนหน่วย / สับเปลี่ยนกองทุน
- เข้าสู่ระบบ WealthMagik Trading
- เลือก “เมนูข้อมูลนักลงทุน”
- เลือกเมนูย่อย “แบบฟอร์มคำขอโอนหน่วย” หรือ “แบบฟอร์มสับเปลี่ยนกองทุนข้ามบลจ.”
- ดาวน์โหลดและพิมพ์เพื่อกรอกข้อมูล จัดส่งมาที่ WealthMagik
- การสับเปลี่ยนให้ระบุเป็นจำนวนหน่วยเท่านั้น ระบุแบบฟอร์มทั้งตัวเลข และตัวอักษร ไม่ต้องระบุวันที่ดำเนินการ ในแบบฟอร์มบลจ.ต้นทาง ส่วนบลจ.ปลายทางไม่ต้องระบุจำนวน และวันที่ดำเนินการ
- วิธีการแก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูล
- เข้าสู่ระบบ WealthMagik Trading
- เลือก“ข้อมูลนักลงทุน”
- เลือกเมนูย่อย “แบบฟอร์มคำขอแก้ไขข้อมูลผู้ถือหน่วย”
- ดาวน์โหลดและพิมพ์เพื่อกรอกข้อมูล และจัดส่งมาที่ WealthMagik
**หมายเหตุ : การลงนามในเอกสารต่างให้ลงนามลายเซ็นต์ที่ตรงกับเอกสารเปิดบัญชี แต่หากเป็นเอกสารใบคำขอหักบัญชีอัตโนมัติ ให้ลงนามลายเซ็นต์ตรงกับที่ให้ไว้กับทางธนาคาร และการหักบัตรเครดิตลายเซ็นต์ต้องตรงกับใบสมัครบัตรเครดิต
- ระยะเวลาในการอัพเดทพอร์ทการลงทุน
- สำหรับรายการซื้อกองทุนในประเทศ ระบบจะจัดสรรหน่วยให้ลูกค้า ณ วันที่ T+1 ประมาณ 10.00 น.เป็นต้นไป
- สำหรับรายการซื้อกองทุนต่างประเทศ ระบบจะจัดสรรหน่วยให้ลูกค้า ณ วันที่ T+2 ประมาณ 10.00 น.เป็นต้นไป
- สามารถโอนกองทุนที่เคยซื้อไว้กับ บลจ โดยตรง มารวมไว้ที่ WealthMagik ที่เดียวได้หรือไม่
- สามารถโอนมารวมได้ ทั้งนี้เงื่อนไขการโอนขึ้นอยู่กับที่บลจ.กำหนด และจะต้องดำเนินการเปิดบัญชีผ่านWealthMagik ให้เรียบร้อยก่อน
- สำหรับวิธีการโอนหน่วย สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ หน้าทำรายการซื้อขาย ที่เมนู >> ข้อมูลนักลงทุน >>แบบฟอร์มคำขอโอนหน่วย
- สำหรับการสับเปลี่ยน LTF/RMF ข้ามบลจ. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ >>ข้อมูลนักลงทุน >>แบบฟอร์มสับเปลี่ยนกองทุนข้าม บลจ.
- มีสมุดกองทุนหรือไม่
หากลูกค้ามีความประสงค์ที่จะขอรับสมุดกองทุนสามารถแจ้งความประสงค์เข้ามาได้ที่ E-mail : [email protected]
หมายเหตุ : บาง บลจ.ไม่สามารถออกสมุดกองทุนได้ จะออกเป็นหนังสือรับรองสิทธิให้แทน เช่น ONEAM และบางบลจ.จะออกได้เฉพาะบางกองทุน ส่วนที่ไม่สามารถออกได้ จะให้เป็นหนังสือรับรองสิทธิแทนเช่นเดียวกัน เช่น KTAM , MFC , Principal สามารสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ E-mail : ma[email protected]
- วิธีการสับเปลี่ยนกองทุนภายใน บลจ เดียวกัน
- สามารถสับเปลี่ยนกองทุนผ่านระบบได้ โดยดูวิธีการสับเปลี่ยนกองทุนได้ที่ https://trading.WealthMagik.com/manual/switching.html
- กรณีไม่มีกองทุนปลายทางที่ต้องการสับเปลี่ยน สามารถตรวจสอบข้อมูลตารางสับเปลี่ยนได้ที่หน้าเว็บไซต์ บลจ หรือสอบถามได้ที่ [email protected] : @WealthMagik หรือ E-mail : [email protected]
- วิธีการขอหนังสือรับรอง RMF/SSF
สามารถดูช่องทางการขอหนังสือรับรอง RMF/SSF เพื่อลดหน่อยภาษีได้ที่ https://trading.WealthMagik.com/login >> ข้อมูลนักลงทุน >> ขอหนังสือรับรอง SSF,RMF
- วิธีการซื้อกองทุนด้วยบัตรเครดิต
- สามารถซื้อกองทุน SSF/RMF โดยบัตรเครดิตได้ โดยดูรายชื่อบัตรเครดิตที่ซื้อกองทุนได้ที่ https://trading.WealthMagik.com/creditcardForms/creditCardBank.png
- ทำรายการซื้อผ่านระบบ โดยเลือกวิธีการชำระเงินโดยบัตรเครดิต
- เมื่อทำรายการซื้อสำเร็จแล้ว กรุณาดาวน์โหลดใบคำสั่งซื้อที่ระบบสร้างขึ้น เพื่อลงลายมือชื่อของผู้ถือหน่วยลงทุน แล้วส่งสำเนากลับมาทาง Email : [email protected] พร้อมสำเนาบัตรเครดิตหน้าหลัง โดยปิดเลข CVV ด้านหลังบัตร
- วิธีการสร้างแผน DCA
- สามารถกำหนดแผน DCA ได้ที่เมนู >> แผนการลงทุน >> กำหนดแผนซื้อ
- โดยระบุกองทุนที่ต้องการซื้อ, ระยะเวลาของแผน วันเริ่มต้น วันสิ้นสุด, เงื่อนไขแผนการลงทุน ทุกสัปดาห หรือ ทุกเดือน, จำนวนเงินที่ซื้อ และเลือกวิธีการชำระเงิน
- กดตกลง เพื่อสร้างแผน DCA
- วิธีการยกเลิกรายการ ซื้อ ขาย สับเปลี่ยน
สามารถยกเลิกรายการก่อนเวลา Cut of time ได้ โดยสามารถดูรายวิธีการยกเลิกรายการ
ซื้อ ขาย สับเปลี่ยน ได้ที่
https://trading.WealthMagik.com/manual/cancel-transaction.html
- วิธีการดูสรุปการลงทุนรายปี LTF/RMF/SSF/SSFX
- สามารถดูรายงานสรุปการลงทุนรายปีของกองทุน LTF/RMF/SSF/SSFX ได้ที่ https://trading.WealthMagik.com > สถานะการลงทุน > สรุปการลงทุนรายปี โดยแยกเป็นประเภทกองทุน
- กรณี LTF ครบกำหนดเงื่อนไขสามารถเข้าไปที่เมนูทำรายการขาย เลือกกองทุนที่ต้องการขาย ระบบจะแสดงจำนวนหน่วยที่สามารถขายได้เมื่อครบกำหนดเงื่อนไขของ LTF