หลายท่านคงเคยได้ยินพุทธสุภาษิตที่ว่า“อโรคยา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ”มาแล้ว บางคนก็ยึดเอาไว้เป็นยอดปรารถนาของชีวิตบางคนขอเป็นพรวิเศษข้อหนึ่งในการดำรงชีวิต แต่การจะได้มานั้นเราทุกคนต้องพบเจอปัจจัยต่าง ๆ เช่น การทานอาหารที่ไม่ถูกต้องการละเลยการออกกำลังกาย การมีอารมณ์แปรปรวน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวเร่งและเป็นคำเชื้อเชิญให้โรคต่าง ๆ มาเยี่ยมเยียนได้อันจะทำให้พรวิเศษดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
การตรวจสุขภาพเป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้เราได้รับการตรวจสอบขั้นต้นก่อนว่าปัจจุบันสุขภาพของเรายังดีหรือไม่ มีโรคอะไรที่แอบแฝงที่ต้องรีบกำจัดเพื่อไม่ให้ลุกลามหรือไม่ซึ่งตามหลักสากลของการตรวจสุขภาพจะประกอบด้วยหลัก 4 ประการคือ
1. การคัดกรองเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค
2. การให้คำแนะนำ
3. การให้วัคซีนป้องกันโรค
4. การให้สารหรือยาเพื่อป้องกันโรค
โดยเริ่มจากการคัดกรองเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคจะเป็นการซักประวัติและพฤติกรรมการตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ตรวจ Lab) เพื่อค้นหาภูเขาใต้น้ำที่ซ่อนอยู่จากนั้นก็จะให้คำแนะนำ ให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรครวมทั้งให้สารหรือยาป้องกันโรคต่อไป (ที่มา: )
โลกแห่งการลงทุนก็เช่นเดียวกันครับเมื่อผู้ลงทุนมีความประสงค์จะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆเพื่อใช้เป็นทางเลือกหนึ่งในการเพิมมูลค่าของเงินออกให้เติบโตชดเชยผลกระทบที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อผู้ลงทุนจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจเรื่องที่ควรเรียนรู้ก่อนลงทุน
จากข้อมูลของ Thailand SecuritiesInstitute (TSI) ที่ว่า 6 เรื่องที่ควรรู้คู่การลงทุนมีดังนี้
1. รู้จักตนเอง
2. รู้จักตลาดและขั้นตอนการซื้อขาย
3. รู้จักตราสาร
4. รู้จักลงทุน
5. รู้จักสิทธิผู้ลงทุน
6. รู้จักคำศัพท์ลงทุน
(ที่มา: )
จะเห็นได้ว่า การรู้จักตนเองเป็นลำดับแรกของสิ่งที่ควรรู้ในเริ่มเข้ามาสู่โลกแห่งการลงทุนสินทรัพย์ใดๆ ก็ตาม และการรู้จักตนเองนั้นสามารถทำได้โดยอาศัยปัจจัยเชิงปริมาณ (สถานะการเงิน, สถานะพอร์ตการลงทุน, อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ, จำนวนเงินที่ต้องการนำไปลงทุน)และปัจจัยเชิงคุณภาพ (เป้าหมายการลงทุน, ข้อจำกัดการลงทุน)
ในบทความนี้จะเน้นไปที่ปัจจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วย 2 เรื่องใหญ่ ๆคือ
1. ระดับความยินดีในการรับความเสี่ยง (Willingness to take risk) ซึ่งจะมีปัจจัยดังนี้
– ทัศนคติ/มุมมองต่อความเสี่ยง
– การตัดสินใจเลือกผลตอบแทน
– ประสบการณ์ในการลงทุน
2. ระดับความสามารถในการรับความเสี่ยง (Ability to take risk)ซึ่งจะมีปัจจัยดังนี้
– ฐานะการเงิน
– ระดับความต้องการสภาพคล่อง
– อายุ
– ความสำคัญของเป้าหมายการลงทุน
– ระยะเวลาการลงทุน
จากปัจจัยต่าง ๆทั้งหมดก็นำมาซึ่งแบบสอบถาม (Questionnaire)ที่เป็นเครื่องมือในการค้นหาระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในการลงทุน (RiskLevel) ของผู้ลงทุนได้ โดยผลลัพท์เบื้องต้นที่ได้จะสรุปว่าผู้ลงทุนเป็นผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับ สูง กลาง หรือต่ำและแต่ละระดับก็จะมีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนเบื้องต้น (Asset Allocation) ให้ผู้ลงทุนได้รับทราบ
ผมมีตัวอย่างของแบบสอบถามที่ครอบคลุมปัจจัยเชิงคุณภาพทั้งหมดและผลลัพธ์ที่ได้จากการตอบแบบสอบถามมาให้ดูครับซึ่งทุกท่านสามารถเข้าไปใช้งานเพื่อหาระดับความเสี่ยงของตัวท่านเองได้ที่ My IOS (ที่มา: www.wealthmagik.com/IOS/IOSProfile.aspx) ตามรูปด้านล่าง
[My IOS ประเมินการยอมรับความเสี่ยงและแนะนำสัดส่วนการลงทุน]
[แบบสอบถาม10 ข้อสำหรับปัจจัยเชิงคุณภาพสำหรับระดับความยินดีและความสามารถในการรับความเสี่ยง]
[ผลสรุปของแบบสอบถามจะได้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำเบื้องต้น]
สุดท้ายถ้าเชื่อมโยงจุดทุกจุดเข้าด้วยกันทั้งเรื่องของเตรียมตัว (ร่างกายพร้อม ตรวจสุขภาพแล้วป้องกันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรคแล้ว) เตรียมตังค์(เงินในกระเป๋าซ้ายขวาอยู่ครบ ไม่รั่วไม่ทะลุ) และเตรียมใจ(บนระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้) แล้วเมล็ดพันธุ์แห่งการลงทุนของทุกท่านก็พร้อมที่จะเติบโตและแข็งแรงผ่านพ้นทุกฤดูไปได้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการลงทุน
โชคดีในการลงทุนครับ…สาดคม ประกายดาบ