Thailand Web Stat

คุณเหมาะกับการลงทุนแบบไหน

        "ลงทุน" คำนี้เริ่มได้ยินกันอย่างหนาหู ในสังคมปัจจุบัน นั่นเพราะว่า การทำงานอย่างหนัก และเก็บเงินนั้น เริ่มไม่เพียงพอกับรูปแบบการใช้ชีวิตแล้ว ทั้งสังคมที่มีการแข่งขันที่สูงขึ้น ภาษีสังคมต่าง ๆ การเจ็บไข้ได้ป่วยที่ไม่มีการแจ้งเตือน หรือเรื่องฉุกเฉิน ที่พากันเรียกหาเจ้าสิ่งที่เรียกว่า เงิน เมื่อคำว่า “ลงทุน” เข้ามามีความสำคัญ เราก็ต่างคิดกันว่า แล้วจะให้ลงทุนอะไรดีล่ะ ไม่ว่าจะหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาฯ ทองคำ หรือจะเป็นสินทรัพย์อะไรก็ตาม ก็อาจจะมีเสียงเล็ก ๆ ที่ดังเข้ามา

        "หุ้นสิ ผลตอบแทนดีนะ.."

        "อสังหาสิ เราอาจจะทำกำไรได้ โดยไม่ต้องใช้เงินนะ…"

        ประเด็นคือ มันอาจจริงในแต่ละช่วงเวลา แต่ทุกสินทรัพย์ที่เข้าลงทุน ก็มีความเสี่ยงในตัวของมัน หลาย ๆ ครั้ง เราก็พบคนที่ลงทุนในหุ้น หรืออสังหาที่โดนผลกระทบจากความเสี่ยงจนเงินที่มีอยู่หดหายไป จนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ

        "แล้วถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์พวกนี้น่ะสิ.. "

        งั้นลองคิดกลับมาที่การลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝาก แล้วกัน ดอกเบี้ยที่ได้ ถ้าออมทรัพย์ก็ประมาณ 0.7% หรือถ้าฝากยาวหน่อย ก็จะได้ช่วงประมาณเกือบ 3% แต่พอมาดูเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เกิด ก็ประมาณ 2.5 +/- 1.5 % ซึ่งเท่ากับว่าดอกเบี้ยที่ได้มาเรียกได้ว่า ไม่คงที่ก็ลดลงด้วยซ้ำอีก

        "การลงทุนนี่ มันยากนะเนี่ย.." (เสียงกระซิบจากหลาย ๆ คนที่กำลังอ่านมาถึงตรงนี้ ^_^)

        มันก็ไม่ได้ง่าย และไม่ได้ยากครับ เพียงแต่ต้องมีการวางแผน และเข้าใจ ก่อนอื่นอย่าลืมว่าในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหลาย ก็มีผู้ที่ลงทุน และประสบความสำเร็จอยู่ อย่างในหุ้นเอง ก็พบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่ผ่านมาก็ประมาณ 10% แม้ว่าจะมีปีที่เป็นช่วงขาลงก็ตาม ก็ยังมีปีที่เป็นขาขึ้น แต่เพื่อเป็นการลดทอนความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง เราจึงควรจะต้องจัดการพอร์ตการลงทุนของเราด้วยการ "กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ" นั่นเองครับ

        "อื้ม.. เริ่มเข้าใจละ แต่แล้วเราจะแบ่งสัดส่วนยังไงดีล่ะ"

        ในเรื่องของความเสี่ยง เราคงทราบกันแล้วว่าในสินทรัพย์แต่ละประเภทนั้น มีความเสี่ยงไม่เท่ากัน ความเสี่ยงในที่นี่หมายถึงความผันผวนของผลตอบแทน ตั้งแต่ขาดทุนไปจนถึงกำไร อาจจะมีโอกาสได้กำไรมาก แต่ในทางกลับกันขาดทุนก็อาจจะมากได้เช่นกัน ซึ่งนอกเหนือจากความเสี่ยงของสินทรัพย์แล้ว ยังมีความเสี่ยงที่สำคัญอีกเรื่องหนี่งที่เราควรจะต้องคำนึงถึงนั่นก็คือ "ความเสี่ยงของผู้ลงทุน" ครับ

        "แล้วจะดูยังไง ..ความเสี่ยงของผู้ลงทุนเนี่ย"

        เริ่มจากเราควรจะเข้าใจก่อนครับว่า ความเสี่ยงของผู้ลงทุน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

        – ความเต็มใจ คือ ด้านทัศนคติ และ พฤติกรรมในการลงทุนที่ผ่านมา ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละคน เช่น บางคนชอบขับรถเร็ว ก็น่าจะเป็นทัศนคติเชิงรุก หรือรับความเสี่ยงได้สูง ในทางกลับกันขับรถช้า ๆ เน้นปลอดภัย ก็น่าจะรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือบางคนบอกรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่พฤติกรรมที่ผ่านกลับซื้อขายหุ้นเป็นหลัก เป็นต้น

        – ความสามารถ คือ ช่วงอายุ และ สถานะทางการเงิน เช่น คนอายุมากแล้วต้องเก็บเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ ก็รับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือบางคนที่ไม่มีหนี้เลย รายรับเยอะ มีเงินเหลือเก็บ ก็น่าจะรับความเสี่ยงได้สูงนั่นเอง

        ซึ่งเราจะทำตัวอย่างมาให้ดู โดยใช้เรื่องการรับความเสี่ยงด้านความสามารถ ในเรื่องของช่วงอายุ เพื่อดูว่าสัดส่วนการลงทุน ควรจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วช่วงอายุนั้น ๆ แบ่งช่วงกันอย่างไรนะครับ สำหรับตอนนี้เข้าใจภาพรวมกันก่อน

        โชคดีในการลงทุนครับ ^_^

แล้วคุณจะรู้ว่าโอกาสที่คุณจะมั่งคั่งนั้นอยู่แค่ปลายนิ้วสัมผัส

WEALTHMAGIK
WEALTH FOR THE MASS