Thailand Web Stat

Author name: WealthMagik

Optimize Portfolio ฟังก์ชันปรับแต่งพอร์ตโฟลิโอ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Optimize Portfolio ฟังก์ชันปรับแต่งพอร์ตโฟลิโอ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด Optimize Portfolio แน่นอนว่าในเรื่องของการลงทุนผลตอบแทนมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ ยิ่งต้องการผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็ยิ่งสูงตาม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนระยะสั้นหรือการลงทุนระยะยาว พอร์ตการลงทุนก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นการปรับแต่งพอร์ตโฟลิโอให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คือ “ Optimize Portfolio” Optimize Portfolio คือ การปรับสัดส่วนพอร์ตการลงทุนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาจจะเน้นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือแม้แต่การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้ ขึ้นอยู่กับการตั้งเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคน การ Optimize Portfolio เป็นการคำนวณสัดส่วนของการลงทุนจากอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง ความเสี่ยง และการคำนวณการกระจายลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ฉะนั้นการ Optimize Portfolio จะช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการสร้างผลตอบแทนหรือลดความเสี่ยงของพอร์ตในสถานการณ์ที่เหมาะสม ทำไมต้อง Optimize Portfolio เพราะการลงทุนไม่มีสินทรัพย์ไหนที่จะมั่นคงเสมอไป อาจจะมีขึ้น-ลงบ้างตามจังหวะสถานการณ์ ฉะนั้นเราจึงต้อง Optimize Portfolio เพื่อ การลดความเสี่ยง : การกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ต หากมีความผิดพลาดหรือเกิดความผันผวนของตลาดสินทรัพย์อื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบก็ยังคงมีโอกาสทำกำไรหรือดำเนินการได้ตามปกติ การเพิ่มผลตอบแทน : การประเมินว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ใดให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุน …

Optimize Portfolio ฟังก์ชันปรับแต่งพอร์ตโฟลิโอ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด Read More »

NEER / REER คืออะไร ? ทำไมเทียบแค่ THB-USD อย่างเดียวไม่พอ

NEER / REER คืออะไร ? ทำไมเทียบแค่ THB-USD อย่างเดียวไม่พอ NEER / REER ในปัจจุบันที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทอ่อนมีมากมาย เช่น ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ นโบายทางการเงิน หรือแม้แต่การเกร็งกำไรของสินทรัพย์ประเภทต่างๆ หากจะคาดการณ์แนวโน้มค่าเงินบาทในอนาคต จะต้องทำความเข้าใจกับดัชนี NEER/REER NEER คืออะไร NEER (Nominal Effective Exchange Rate) หรือ ดัชนีค่าเงินบาท เป็นดัชนีวัดค่าเงินที่มาจากการหาค่าเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทต่อค่าเงินประเทศอื่นๆ ซึ่งถ้าหาก NEER เพิ่มขึ้น แสดงว่า เงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบด้านอัตราแลกเปลี่ยนในแง่ของการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะแพงขึ้น แต่เป็นผลดีกับการส่งออกสินค้าของไทยที่สามารถส่งออกได้มากขึ้น เนื่องจากประเทศคู่ค้ามองว่าสินค้าของเราถูกลง ในทางกลับกันถ้าหาก NEER ลดลง แปลว่าค่าเงินบาทแข็งขึ้น หมายความว่าไทยจะได้เปรียบด้านอัตราแลกเปลี่ยน ในแง่ของการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ แต่ก็สามารถส่งออกสินค้าได้น้อยลงเช่นกัน เพราะประเทศคู่ค้ามองว่าสินค้าจากเราแพง REER คืออะไร REER (Real Effective Exchange Rate) หรือ …

NEER / REER คืออะไร ? ทำไมเทียบแค่ THB-USD อย่างเดียวไม่พอ Read More »

เทียบให้ชัด Nasdaq 100 vs. S&P 500 เลือกตัวไหน?

เทียบให้ชัด Nasdaq 100 vs. S&P 500 เลือกตัวไหน!? ในแวดวงของการลงทุน เชื่อว่านักลงทุนหลายท่านย่อมรู้จักดัชนีหุ้นของฝั่งสหรัฐฯ กันมาบ้างแล้ว เนื่องจากสหรัฐฯ ถือว่าเป็นประเทศมหาอำนาจหนึ่งของโลก ดังนั้น การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกได้  แต่ดัชนีของสหรัฐฯ ก็แยกออกเป็นหลายตัว แต่สองตัวที่ได้ยินกันบ่อยจะมี Nasdaq 100 และ S&P 500 มาพร้อมกับคำถามยอดฮิตว่าควรเก็บตัวไหนเข้าพอร์ตดี? ทุกคนสงสัยกันมั้ยว่าทั้งสองตัวเป็นดัชนีของสหรัฐฯ เหมือนกันทั้งคู่ แล้วความต่างของสองตัวนี้มันอยู่ตรงไหน? ดัชนี Nasdaq 100 เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1985 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด 100 แห่ง โดยมีทั้งบริษัทในอเมริกา รวมไปถึงบริษัทของต่างประเทศ ที่จดทะเบียนในตลาด Nasdaq และเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของหุ้นเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากหุ้นจากบริษัท 100 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยี และนวัตกรรมชั้นนำของโลกที่มีการเติบโตสูง ซึ่งดัชนี Nasdaq 100 จะไม่มีการนำบริษัทในกลุ่มสถาบันการเงินเข้ามาคำนวณด้วยตัวอย่างบริษัทที่อยู่ในดัชนี Nasdaq 100 เช่น Apple (AAPL) …

เทียบให้ชัด Nasdaq 100 vs. S&P 500 เลือกตัวไหน? Read More »

แคมเปญ “เทรดให้คลายร้อน” อย่าให้อากาศร้อน มาทำให้คุณหยุดลงทุน

  “อย่าให้อากาศร้อน มาทำให้คุณหยุดลงทุน”   “อย่าให้อากาศร้อน มาทำให้คุณหยุดลงทุน” ” เทรดให้คลายร้อน “ ” เทรดให้คลายร้อน “ ลงทุนกองทุนรวม กับแคมเปญเทรดให้คลายร้อน สะสมยอดลงทุนกองทุนรวมที่ร่วมรายการ ระยะเวลาโปรโมชั่น 19 เมษายน – 28 มิถุนายน 2567 ลงทุนกองทุนรวม กับแคมเปญเทรดให้คลายร้อน สะสมยอดลงทุนกองทุนรวมที่ร่วมรายการ ระยะเวลาโปรโมชั่น 19 เมษายน – 28 มิถุนายน 2567 รับสิทธิ์ได้ง่ายๆ ดังนี้  แคมเปญ ”เทรดให้คลายร้อน” เข้าร่วมได้ทั้งลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าที่สมัครเปิดบัญชีใหม่ โดยสะสมยอดลงทุนในกองทุนที่เข้าร่วมโปรโมชั่น ตามที่บริษัทฯกำหนด เมื่อสิ้นสุดกิจกรรม บริษัทจะสรุปยอดลงทุน (ซื้อหรือสับเปลี่ยนเข้า) และติดต่อนักลงทุนที่มียอดลงทุนสะสมถึงเกณฑ์ได้รับของรางวัล ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ในระบบ นักลงทุนแจ้งและยืนยันของรางวัลผ่านเจ้าหน้าที่ บริษัทจัดส่งของรางวัลตามที่อยู่ที่ให้ไว้ในระบบ รายละเอียดของรางวัล เปิดบัญชีกองทุนใหม่ ผ่านแอป ไม่ต้องส่งเอกสาร  คลิกเลย สะสมยอดเทรดกองทุน  คลิกเลย เงื่อนไขโปรโมชั่น ลูกค้าที่เคยเปิดบัญชีลงทุนแต่ไม่สำเร็จ ลูกค้าเปิดบัญชีใหม่ และลูกค้าปัจจุบันสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ ลูกค้าสามารถสะสมยอดเงินลงทุนขาเข้า …

แคมเปญ “เทรดให้คลายร้อน” อย่าให้อากาศร้อน มาทำให้คุณหยุดลงทุน Read More »

กองทุนที่ว่าดี ดีจริงหรือเปล่า? ส่องกองทุนได้ทั้งตลาดไปกับ “ขนมชั้นกองทุน”

กองทุนที่ว่าดี ดีจริงหรือเปล่า? ส่องกองทุนได้ทั้งตลาดไปกับ “ขนมชั้นกองทุน” ขนมชั้นกองทุน ในปัจจุบันมีเครื่องมือหลายประเภทที่จะช่วยนักลงทุนในการตัดสินใจลงทุน แต่การเลือกใช้เครื่องมือนั้นขึ้นก็ขึ้นอยู่กับความถนัดและสไตล์การลงทุนของแต่ละคน แล้วถ้าหากเครื่องมือนั้นสามารถดูกราฟเปอร์เซ็นต์ไทล์ แสดงผลตอบแทนย้อนหลังและความเสี่ยงของกองทุนได้พร้อมกัน จะสะดวกกับนักลงทุนมากแค่ไหน WealthMagik มีเครื่องมือมาแนะนำ นั่นคือ “ขนมชั้นกองทุน” ขนมชั้นกองทุนคืออะไร คือเครื่องมือในการเปรียบเทียบว่ากองทุนนั้นดีจริงหรือไม่ เทียบผลตอบแทนทั้งตลาด โดยใช้ข้อมูลแบบเปอร์เซ็นต์ไทล์ ในกองทุนประเภทเดียวกันมาทำให้ดูง่ายด้วยแถบสีขนมชั้น ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือพื้นฐานให้นักลงทุนได้ตรวจสอบกองทุนของตนเองว่ามีผลตอบแทนเท่าไหร่ ความเสี่ยงของกองทุนเป็นยังไง อยู่ในระดับดีขึ้นหรือแย่ลง เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ สามารถดูผลตอบแทนย้อนหลัง และ Standard Deviation ได้ในรูปแบบขนมชั้นกองทุน โดยด้านขวามือจะเป็นการอธิบายว่ากองทุนมีผลตอบแทนและค่า SD ทั้ง 1ปี 3ปี และสูงสุด 5 ปี ย้อนหลังอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ มีค่าเป็นบวกหรือติดลบ และอยู่ในช่วงเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่เท่าไหร่ ถ้ามีการเปรียบเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน ระบบจะสามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่ากองทุนไหนดีที่สุดทั้งในด้านของผลตอบแทนและค่าSD กองทุนที่อยู่ในแถบสีเขียว หมายความว่า กองทุนอยู่ในช่วงเปอร์เซ็นไทล์ระดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม มีผลตอบแทนดี มีความผันผวนของผลตอบแทนน้อย กองทุนที่อย่ในแถบแดง หมายความว่า กองทุนอยู่ในช่วงเปอร์เซ็นไทล์ระดับท้ายๆ ของอุตสาหกรรม มีผลตอบแทนน้อย มีความผันผวนของผลตอบแทนมาก ตัวอย่างเช่น K-WORLDX …

กองทุนที่ว่าดี ดีจริงหรือเปล่า? ส่องกองทุนได้ทั้งตลาดไปกับ “ขนมชั้นกองทุน” Read More »

อยากเลือกกองทุนให้ปัง! ต้องดูค่าธรรมเนียมกองทุนรวมให้เป็น!

อยากเลือกกองทุนให้ปัง! ต้องดูค่าธรรมเนียมกองทุนรวมให้เป็น! ค่าธรรมเนียมกองทุน กองทุนรวมหนึ่งในทางเลือกยอดฮิตสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและลงทุนได้หลายสินทรัพย์ แต่ก่อนลงทุนในกองทุนรวมสิ่งหนึ่งที่เราต้องรู้เลย นั่นก็คือ “ค่าธรรมเนียม” ของกองทุนนั้นมีอะไรบ้าง? ซึ่งค่าธรรมเนียมกองทุนรวมแบ่งออกเป็นหลายส่วน และเป็นจุดที่สามารถช่วยให้ตัดสินใจเลือกกองทุนได้ง่ายขึ้นด้วย ประเภทค่าธรรมเนียมกองทุนรวมมีอะไรบ้าง? ค่าธรรมเนียมกองทุนรวมแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วยลงทุนโดยตรง และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน ซึ่งทั้งสองส่วนก็จะแบ่งย่อยไปอีก ค่าธรรมเนียมกองทุน ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วยลงทุนโดยตรง ค่าธรรมเนียมการขาย (Front – End Fee) เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุน ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back – End Fee) เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนขายหน่วยลงทุน ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนกองทุน เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนสับเปลี่ยนจากกองทุนหนึ่งไปยังอีกกองทุนหนึ่ง ค่าธรรมเนียมการโอน (Transfer Fee) ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อมีการโอนสิทธิ์ในหน่วยลงทุนให้ผู้อื่น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน ค่าธรรมเนียมการขาย (Front – End Fee) เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุน ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน (Back – End Fee) เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนขายหน่วยลงทุน ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนกองทุน เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อผู้ลงทุนสับเปลี่ยนจากกองทุนหนึ่งไปยังอีกกองทุนหนึ่ง ค่าธรรมเนียมการโอน (Transfer …

อยากเลือกกองทุนให้ปัง! ต้องดูค่าธรรมเนียมกองทุนรวมให้เป็น! Read More »

DCA คืออะไร ต้องลงทุนแบบไหน ให้ตอบโจทย์มือใหม่เริ่มลงทุน

DCA คืออะไร ต้องลงทุนแบบไหน ให้ตอบโจทย์มือใหม่เริ่มลงทุน ลงทุน DCA อยากลงทุนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง? เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามแบบนี้ในหัวแน่ๆ ถ้าเป็นมือใหม่ ลงทุนแล้วพลาดไปทำยังไงดีล่ะ? ซื้อกองทุนรวมตอนไหนถึงจะได้ผลตอบแทนสูงสุดกลับมา? แต่รู้หรือไม่…ยังมีกลยุทธ์การลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่ชื่อว่า DCA ที่เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ขาดประสบการณ์ และขาดความเชี่ยวชาญในด้านการลงทุน อีกทั้งยังช่วยสร้างวินัยในการออมให้แก่นักลงทุนอีกด้วย DCA คืออะไร? DCA หรือ Dolla – Cost Averaging เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยด้วยเงินจำนวนที่เท่ากันเป็นงวดๆ ทยอยลงทุนเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ อาจจะเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส ตามแต่ความสะดวกของนักลงทุน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุนในขณะนั้น ซึ่งถ้าตอนที่เราลงทุนไปสินทรัพย์นั้นมีราคาที่ถูก ต้นทุนก็จะถูกลงไปด้วย ถือเป็นการเฉลี่ยต้นทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ทำไมการ DCA ถึงเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่? แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนมือใหม่ยังไม่มีนั่นก็คือ “ประสบการณ์” และอาจจะขาด “ความเชี่ยวชาญ” เพราะบางคนก็เพิ่งลงทุนเป็นครั้งแรก ซึ่งในโลกของการลงทุนการลองผิดลองถูกไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แต่ละคนอาจจะมีทักษะหรือเทคนิคทางการลงทุนที่ถนัดต่างกัน แต่การลดข้อผิดพลาดสำหรับมือใหม่ให้น้อยที่สุดก็ยังถือเป็นเรื่องดี ซึ่งการ DCA ก็ถือว่าตอบโจทย์ในเรื่องนี้ เนื่องจากการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนแบบนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถลดความเสี่ยงได้ และยังเป็นโอกาสในการสะสมหน่วยลงทุน เพราะการ DCA เราลงทุนอย่างต่อเนื่องในทุกสภาวะตลาด โดยที่ไม่สนว่าราคาของสินทรัพย์นั้นจะเป็นเท่าไหร่ …

DCA คืออะไร ต้องลงทุนแบบไหน ให้ตอบโจทย์มือใหม่เริ่มลงทุน Read More »

เลือกกองทุนให้ดี ดู Standard Deviation และ Sharpe Ratio ให้เป็น

เลือกกองทุนให้ดีดู Standard Deviation และ Sharpe Ratio ให้เป็น standard deviation แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจในการเลือกกองทุนก็คือ ผลตอบแทน แต่การดูผลตอบแทนเพียงแค่อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จะต้องพิจารณาความเสี่ยงควบคู่ไปด้วย แต่ค่าความเสี่ยงกองทุนมีทั้งค่า Standard Deviation และ Sharpe Ratio ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันบ่อย ๆ แล้วเราจะอ่านค่าและแปลความหมายยังไง WealthMagik สรุปไว้ในบทความนี้แล้ว Standard Deviation (SD) หรือที่เรียกกันว่า “ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน” แต่ถ้าในทางกองทุนรวม หมายถึง “ค่าความผันผวนของผลตอบแทน”แสดงถึงความผันผวนของผลตอบแทนเฉลี่ยทั้งในทางบวกและทางลบ ถ้าหากค่า SD มีค่าน้อย แปลว่ากองทุนมีความผันผวนน้อย ผู้ลงทุนอาจจะได้ผลตอบแทนน้อย แต่มีโอกาสขาดทุนต่ำ ถ้าหากค่า SD มีค่ามาก แปลว่ากองทุนมีความผันผวนมาก ผู้ลงทุนอาจจะได้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย (หรือเรียกได้ว่าค่า Standard Deviation (SD) ยิ่งต่ำยิ่งดี) Sharpe Ratio ผลตอบแทนของกองทุนรวมเทียบกับอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยปรับด้วยค่า SD ของกองทุนรวม หรือที่เรียกกันว่า …

เลือกกองทุนให้ดี ดู Standard Deviation และ Sharpe Ratio ให้เป็น Read More »

อ่าน Fund Fact Sheet สักนิดเพื่อเป็นทริคในการซื้อกองทุนรวม

อ่าน Fund Fact Sheet สักนิดเพื่อเป็นทริคในการซื้อกองทุนรวม Fund Fact Sheet เคยไหมอยากซื้อกองทุนแต่ไม่อยากอ่าน Fund Fact Sheet หรือคนอื่นบอกว่าดีก็เลือกซื้อโดยไม่ได้ศึกษารายละเอียดของกองทุน ด้วยข้อความและเนื้อหาใน Fund Fact Sheet ที่มีรายละเอียด 3- 5 หน้า ทำให้บางคนจับจุดสำคัญไม่ถูกหรือเลือกที่จะไม่อ่าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว Fund Fact Sheet มีรายละเอียดที่สำคัญมากมายที่นักลงทุนต้องรู้ ฉะนั้นควรศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดของ Fund Fact Sheet ให้เข้าใจก่อนการตัดสินใจลงทุน Fund Fact Sheet คืออะไร Fund Fact Sheet หรือที่เรียกกันว่าหนังสือชี้ชวนที่มีรายละเอียดของกองทุนรวม เพื่อให้เราได้ทำความเข้าใจ และศึกษารายละเอียดสำคัญๆ ก่อนการตัดสินใจลงทุน ในFund Fact Sheet มีทั้ง ประเภทกองทุน, นโยบายการลงทุน, ลักษณะความเสี่ยงและผลตอบแทน, ทรัพย์สินที่ลงทุน 5 อันดับแรก, ผลการดำเนินงานย้อนหลัง และ ค่าธรรมเนียม …

อ่าน Fund Fact Sheet สักนิดเพื่อเป็นทริคในการซื้อกองทุนรวม Read More »

จังหวะดีในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ” LHBLUESKY “

จังหวะดีในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ” LHBLUESKY “ LHBLUESKY อย่างที่ทราบกันดีว่าปี 2024 เป็นปีของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งคาดการณ์ว่า FED จะเริ่มประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งปีหลัง และในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สูง ตราสารหนี้จะมีราคาไม่แพง จึงส่งผลให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้มีความโดดเด่น และเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนตราสารหนี้เพื่อรอโอกาสทำกำไรในช่วงดอกเบี้ยขาลง “LH BLUE SKY INCOME FUND (LHBLUESKY) “เป็นอีกหนี่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นกองทุนที่ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ ให้นักลงทุนสามารถสร้างสมดุลพอร์ตและใช้ลงทุนคู่กับกองทุนหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและลดความเสี่ยงพอร์ตลงทุนในช่วงสภาวะตลาดผันผวน อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยของตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์ที่ปรับขึ้นสูงสุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งความเป็นจริงในตอนนี้การสร้างผลตอบแทนในต่างประเทศสูงมากกว่าในประเทศ ถ้าหากเรายัง Home Bias กันอยู่ก็อาจจะทำให้เราพลาดโอกาสที่ดีในการลงทุน ฉะนั้นแล้วทำไมเราไม่เลือกกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศบ้าง เพราะยิ่งเราไปลงทุนต่างประเทศในช่วงที่สถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนก็จะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเราเลือกกองทุนที่ Unhedge ด้วยแล้วก็จะทำให้เราได้ผลตอบแทนอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการ Hedging และได้กำไรจากค่าเงินอ่อนตัวอีกด้วย แต่ในทางกลับกันก็อาจจะได้รับความเสี่ยงเรื่องของสินทรัพย์ที่ลงทุนและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนในตอนที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้น นโยบายการลงทุน กองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งกองทุนสามารถกระจายการลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนต่างประเทศ ในระดับ Investment Grade …

จังหวะดีในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ” LHBLUESKY “ Read More »