เปรียบเทียบ เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ Thai ESG vs Thai ESGX

หากคุณกำลังวางแผนลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในปี 2568 ขอบอกเลยว่าปีนี้มีทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจอย่าง “Thai ESGX” เพิ่มเข้ามา! แล้วแบบนี้เราควรเลือกลงทุนในกองทุนแบบไหนดี? มาทำความเข้าใจความต่างระหว่าง Thai ESG, Thai ESGX (เงินลงทุนใหม่) และ Thai ESGX (สับเปลี่ยนจาก LTF) กันแบบง่ายๆ ในไม่กี่นาที

• Thai ESG
สินทรัพย์ที่ลงทุน
นโยบายการลงทุนของ Thai ESG กำหนดให้สามารถลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน ตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วยมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) อาทิ หุ้นไทยยั่งยืน SET ESG Ratings หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน ESG Bond ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของ NAV
สิทธิลดหย่อนภาษี
สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้และไม่เกิน 300,000 บาท
ระยะเวลาลงทุนและเงื่อนไขในการซื้อ
ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (นับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปีปฏิทิน)โดยไม่มีขั้นต่ำและไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี แต่ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้
*Thai ESG สามารถเริ่มซื้อหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ปี 2566-2575 ระยะเวลาลงทุน ปี 2567-2569 ต้องถือครอง 5 ปีเต็ม ส่วน เดือนธันวาคม ปี 2566 และ ปี 2570-2575 ต้องถือครอง 8 ปีเต็ม
ช่วงเวลาที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี
สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ปี 2566 – 2575
*สำหรับ Thai ESG ในช่วงปี 2566 ลดหย่อนได้สูงสุด100,000 บาท ปี 2567 – 2569 ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท ปี2570-2575 ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000
• Thai ESGX
สินทรัพย์ที่ลงทุน
Thai ESGX จะใช้ตามหลักเกณฑ์เดียวกับ Thai ESG ซึ่งลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV แต่ Thai ESGX จะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมว่าต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของNAV ส่วนเงินลงทุนอื่นๆ เช่น เงินสด หรือหลักทรัพย์ต่างประเทศ Thai ESGX สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 20% ของ NAV
สิทธิลดหย่อนภาษี
วงเงินลดหย่อนที่ 1 : สำหรับเงินลงทุนใหม่เฉพาะปี2568
ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท และไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน
วงเงินลดหย่อนที่ 2 : สำหรับผู้ลงทุนที่สับเปลี่ยน LTF มา Thai ESGX
ลดหย่อนได้สูงสุด 500,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไข 30% ของเงินได้พึงประเมิน ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนต้องแจ้งย้ายกองทุนภายใน 2 เดือน หลังจากจัดตั้งกองทุน
- ปีแรก (ปี2568) สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท
- ปีที่ 2-5 (ปี 2569-2572) ส่วนที่เหลืออีก 200,000 บาทที่เหลือ ทยอยใช้สิทธิได้ปีละไม่เกิน 50,000 บาท 4 ปี
ระยะเวลาลงทุนและเงื่อนไขในการซื้อ
ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน (นับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปีปฏิทิน)โดยไม่มีขั้นต่ำและไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
*สำหรับเงินลงทุนใหม่ ระยะเวลาลงทุน ในปี 2568-2569 ต้องถือครอง 5 ปีเต็ม ส่วน ปี 2570-2575 ต้องถือครอง 8 ปีเต็ม
วงเงินลดหย่อนที่ 1 : สำหรับเงินลงทุนใหม่เฉพาะปี2568
ต้องซื้อหน่วยลงทุนในช่วงวันที่ 2 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 และตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
วงเงินลดหย่อนที่ 2 : สำหรับผู้ลงทุนที่สับเปลี่ยน LTF มา Thai ESGX
ต้องสับเปลี่ยนจาก LTF มา Thai ESG ทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568
หมายเหตุ : ผู้ลงทุนจะต้องไม่ขายหรือสับเปลี่ยนออกไปยังกองทุนประเภทอื่นตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ไม่เช่นนั้นแล้วจะถือว่าไม่ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด และจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ช่วงเวลาที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี
สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ปี 2568 – 2575
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
โทร 02 – 437 – 1588
Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
โทร 02 – 437 – 1588
Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่