Thailand Web Stat

ผ่อนบ้านทั้งทีอย่ามัวเสียดอกเบี้ยแพง ๆ รีไฟแนนซ์บ้านช่วยคุณได้

รีไฟแนนซ์บ้าน
เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้นหรือมีการงานที่มั่นคง หลาย ๆ คนก็อาจจะอยากเปลี่ยนจากการเช่าหอพักรายเดือนมาเป็นการซื้อบ้านสักหลังแทน ส่วนบางคนก็อาจจะอยากซื้อบ้านหลังใหม่ให้กับพ่อแม่ หรืออยากซื้อบ้านสักหลังไว้เพื่อสร้างครอบครัวกับคนรัก
แต่ว่าการซื้อบ้านสักหลังก็มักจะมาพร้อมกับภาระหนี้สินด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าการผ่อนบ้านในช่วงปีแรก ๆ นั้นจะมีอัตราดอกเบี้ยไม่สูงมากนัก แต่เมื่อผ่านไปนานเข้าอัตราดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้น จนส่งผลให้สภาพคล่องทางการเงินของคุณติดขัดในที่สุด
ด้วยเหตุนี้จึงมีการรีไฟแนนซ์บ้านขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินให้กับผู้ที่กำลังผ่อนบ้านได้ชำระหนี้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง รวมถึงมีเงินส่วนต่างไว้จับจ่ายใช้สอยในแต่ละเดือนมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้คุณได้ทำความรู้จักและสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้อย่างราบรื่น เราจึงรวบรวมข้อมูลสำคัญต่าง ๆ เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้าน 2566 มาให้คุณได้อ่านแบบครบถ้วนแล้วที่นี่

รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร

ถ้าหากจะให้อธิบายถึงการรีไฟแนนซ์บ้านแบบที่เข้าใจได้ง่าย ๆ นั้น การรีไฟแนนซ์บ้านก็คือ การย้ายภาระหนี้สินบ้านจากสถาบันการเงินเดิมไปยังสถาบันการเงินใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า โดยการขอสินเชื่อบ้านกับทางสถาบันการเงินใหม่ เพื่อนำเงินที่ได้จากการขอสินเชื่อนั้นไปปลดภาระหนี้สินกับทางสถาบันการเงินเดิม
ซึ่งหลังจากที่การรีไฟแนนซ์บ้านได้ผ่านการอนุมัติ และเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณก็จะต้องทำการผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนให้กับสถาบันการเงินใหม่แทนนั่นเอง
โดยการรีไฟแนนซ์บ้านไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณผ่อนชำระหนี้พร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น ค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ลดลง รวมถึงสามารถปลดภาระหนี้สินได้รวดเร็วมากกว่าเดิมด้วยการลดระยะเวลาผ่อนชำระ

คุณสมบัติของผู้ที่สามารถรีไฟแนนซ์บ้าน

คุณสมบัติของผู้ที่สามารถรีไฟแนนซ์บ้าน
ก่อนที่จะยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับทางสถาบันการเงินใหม่ คุณก็จำเป็นต้องตรวจสอบให้ดีว่าตัวเองนั้นมีคุณสมบัติตรงตามที่สถาบันการเงินใหม่กำหนดเอาไว้หรือไม่ เพื่อที่จะสามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านได้อย่างไร้กังวลใด ๆ โดยคุณสมบัติของผู้ที่สามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้จะแบ่งออกเป็น 3 อาชีพหลัก ๆ ดังนี้

ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (ฟรีแลนซ์)

     –    มีสัญชาติไทย
     –   
มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
     –    มีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
     –    ประกอบอาชีพมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี

พนักงานบริษัท/ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ

     –    มีสัญชาติไทย
     –   
มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
     –    มีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
     –    มีอายุการทำงานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

เจ้าของกิจการ/ธุรกิจส่วนตัว

     –    มีสัญชาติไทย
     –   
มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
     –    มีรายได้ต่อเดือน 50,000 บาทขึ้นไป
     –    ประกอบกิจการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี

อยากรีไฟแนนซ์บ้าน ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

สำหรับเอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านนั้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดหลัก ๆ ด้วยกัน คือ เอกสารส่วนบุคคล เอกสารหลักประกัน และเอกสารแสดงรายได้ หรือหลักฐานการเงิน ซึ่งเอกสารที่จำเป็นแต่ละหมวดมีดังนี้
เอกสารส่วนบุคคล

     –    สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
     –    สำเนาทะเบียนบ้าน
     –    ใบเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล (ถ้ามี)
     –    ทะเบียนสมรส (กรณีกู้ร่วม)

เอกสารหลักประกัน

     –    โฉนดที่ดิน
     –    สำเนาสัญญากู้เงินจากสถาบันการเงินเดิม
     –    แผนที่เพื่อบอกตำแหน่งของหลักประกัน
     –    ทะเบียนการค้า หรือใบจดทะเบียนพาณิชย์ (กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ)

เอกสารแสดงรายได้ หรือหลักฐานการเงิน

  •  กรณีที่เป็นพนักงานเงินเดือน

          –   หนังสือรับรองเงินเดือน หรือสลิปเงินเดือน
          –   สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 3 เดือน

  • กรณีที่ประกอบอาชีพอิสระ

          –   เอกสารแสดงภาษีเงินได้ 50 ทวิ
          –   สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน

  •  กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ

          –   สำเนาหลักฐานการชำระภาษี 6 เดือนล่าสุด
          –   สำเนาการเดินบัญชีธนาคารขั้นต่ำ 6 เดือน

วิธีการเลือกรีไฟแนนซ์บ้าน ให้คุ้มค่ามากที่สุด

ถ้าหากต้องการให้การรีไฟแนนซ์บ้านของคุณนั้นได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด จำเป็นต้องพิจารณาเงื่อนไข รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ ในการรีไฟแนนซ์บ้านของสถาบันการเงินแต่ละแห่งด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยสิ่งที่จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษก่อนเลือกรีไฟแนนซ์บ้าน ได้แก่

  • อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยสามารถกำหนดสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายต่อเดือน ระยะเวลาที่ใช้ในการปลดภาระหนี้สิน หรือความคล่องตัวทางการเงิน ด้วยเหตุนี้จึงควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยสถาบันการเงินใหม่ว่า ต่ำกว่าสถาบันการเงินเดิมหรือไม่ และมีอัตราดอกเบี้ยที่น่าพอใจมากแค่ไหน
  • ระยะเวลาผ่อนชำระ
พิจารณาถึงระยะเวลาผ่อนชำระที่ทางสถาบันการเงินใหม่ได้ระบุไว้ ว่าตรงกับความต้องการรีไฟแนนซ์บ้านของคุณหรือไม่ เช่น ถ้าหากคุณต้องการปลดภาระหนี้สินได้รวดเร็ว ก็อาจพิจารณาระยะเวลาผ่อนชำระที่ไม่นานมากนัก
  • วงเงินกู้ยืม

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาเพื่อเลือกรีไฟแนนซ์บ้านก็คือ วงเงินกู้ยืมที่สถาบันการเงินใหม่อนุมัติได้สูงสุดนั่นเอง เพื่อให้รู้ว่าวงเงินที่คุณจะได้รับนั้นเพียงพอสำหรับปลดภาระหนี้สินจากสถาบันการเงินเดิมหรือไม่

อย่างไรก็ตามคุณก็สามารถรีไฟแนนซ์บ้านที่คุ้มค่า และตรงกับความต้องการของคุณได้ โดยไม่จำเป็นต้องเสาะหาข้อมูลเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาให้ยุ่งยาก เพียงแค่คุณเลือกใช้บริการกับ Refinn เพราะที่นี่จะช่วยเลือกรีไฟแนนซ์บ้านที่เหมาะสมและตรงใจคุณได้อย่างแน่นอน

เปรียบเทียบรีไฟแนนซ์บ้าน เลือกที่ไหนดีที่สุด

ในปัจจุบันนี้มีสถาบันการเงินหลากหลายแห่งออกโปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้านสุดคุ้มมากมาย จึงทำให้ผู้ที่กำลังต้องการรีไฟแนนซ์บ้านสับสนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว และเพื่อให้ได้โปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้านที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ก็จำเป็นต้องเปรียบเทียบรายละเอียดต่าง ๆ ของโปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้าน ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย วงเงินกู้ยืม ระยะเวลาผ่อนชำระ รวมไปถึงการฟรีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

ขั้นตอนรีไฟแนนซ์บ้าน

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน

1. ตรวจเช็กสัญญากู้ฉบับเดิม

เมื่อคุณต้องการที่จะรีไฟแนนซ์บ้าน จะต้องตรวจเช็กสัญญากู้ฉบับเดิมที่มีร่วมกับทางสถาบันการเงินเดิมให้ดีเสียก่อนว่า สถาบันการเงินได้กำหนดเงื่อนไขใดในสัญญาบ้างสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน เนื่องจากสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะมีเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์บ้านกำหนดไว้ว่า จะต้องผ่อนชำระหนี้กับสถาบันการเงินเดิมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 ปีนั่นเอง

2. เลือกสถาบันการเงินที่จะรีไฟแนนซ์บ้าน

หลังจากที่คุณตรวจเช็กสัญญากู้ฉบับเดิมจนมั่นใจแล้วว่าสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ ขั้นตอนต่อไปก็คือการเปรียบเทียบโปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้าน หรือหาข้อมูลการรีไฟแนนซ์บ้านของสถาบันการเงินที่สนใจ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา สุดท้ายจึงค่อยเลือกรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินที่คุณเห็นว่าเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

3. เตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน

เพื่อให้สามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านได้อย่างราบรื่น คุณจึงควรเตรียมเอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์บ้านให้ครบถ้วนตามที่สถาบันการเงินใหม่ต้องการ

4. ยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน

หากจัดเตรียมเอกสารสำคัญที่จำเป็นต่อการรีไฟแนนซ์บ้านครบถ้วนเรียบร้อยดีแล้ว ก็สามารถนำเอกสารเข้าไปยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านที่สถาบันการเงินใหม่ได้เลย โดยสถาบันการเงินใหม่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 14-21 วันในการพิจารณาเอกสารต่าง ๆ ที่ได้ยื่นไว้ เมื่อผ่านการพิจารณาแล้ว ทางสถาบันการเงินใหม่ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังหลักประกันเพื่อนำมาประกอบการประเมินวงเงินกู้ยืม

5. ทำสัญญาจำนองที่กรมที่ดิน

หลังจากที่การขอรีไฟแนนซ์บ้านได้ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการแล้ว สถาบันการเงินใหม่ก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาพร้อมกับสัญญา และจะมีการนัดพบไปยังกรมที่ดิน เพื่อเซ็นสัญญาและจดจำนอง

รีไฟแนนซ์บ้าน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

  • ค่าประกันอัคคีภัย

ค่าประกันอัคคีภัยนั้นจะมีค่าเบี้ยประมาณ 1,000-3,000 บาทต่อปี ซึ่งประกันอัคคีภัยเป็นประกันภาคบังคับสำหรับผู้ที่กู้ยืมสินเชื่อบ้าน

  • ค่าประเมินราคาหลักประกัน
ค่าประเมินราคาหลักประกันเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางสำรวจ และประเมินราคาของเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินใหม่เมื่อเอกสารที่ยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านได้ผ่านการพิจารณาแล้ว โดยค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับที่ตั้งของหลักประกัน
  • ค่าจดทะเบียนจำนอง
ค่าจดทะเบียนจำนองสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1% ของวงเงินกู้ยืมที่ได้รับการอนุมัติ โดยค่าใช้จ่ายนี้จะต้องชำระให้กับกรมที่ดิน
  • ค่าอากรแสตมป์
ค่าอากรแสตมป์สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 0.05% ของวงเงินกู้ยืมที่ได้รับการอนุมัติ โดยค่าใช้จ่ายนี้จะต้องชำระให้กับกรมสรรพากร

บ้านแบบไหนที่รีไฟแนนซ์บ้านได้?

บ้านแบบไหนที่รีไฟแนนซ์บ้านได้
สำหรับบ้านที่สามารถนำมารีไฟแนนซ์บ้านได้นั้น จะต้องเป็นบ้านที่มีการผ่อนชำระหนี้กับทางสถาบันการเงินเดิมครบตามระยะเวลาที่มีกำหนดไว้ในเงื่อนไขสัญญาแล้วเท่านั้น เช่น ‘สถาบันการเงิน A มีเงื่อนไขในสัญญาว่า ผู้กู้จะสามารถทำการรีไฟแนนซ์บ้านได้ก็ต่อเมื่อได้ผ่อนชำระหนี้กับทางสถาบันการเงินเดิมเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปีเท่านั้น’ เป็นต้น

หากมีประวัติเสียทางด้านการเงิน สามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านได้หรือไม่?

ในกรณีที่คุณมีประวัติเสียทางด้านการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการชำระหนี้ล่าช้ามากกว่า 90-120 วัน หรือมีประวัติการค้างชำระหนี้ ก็จะส่งผลต่อการพิจารณาขอรีไฟแนนซ์บ้านมากทีเดียว ซึ่งอาจทำให้สถาบันการเงินใหม่อนุมัติการขอรีไฟแนนซ์บ้านของคุณได้ยากขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าหากคุณมีการรักษาประวัติทางด้านการเงินให้กลับมาปกติอย่างต่อเนื่อง 1-3 ปี ก็จะช่วยให้สามารถขอรีไฟแนนซ์บ้านได้อย่างสะดวกดังเดิม

อยากรีไฟแนนซ์บ้านให้คุ้ม เลือก Refinn

อยากรีไฟแนนซ์บ้านให้คุ้ม เลือก Refinn
หากคุณมีความกังวลกับการรีไฟแนนซ์บ้านอยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำบริการรีไฟแนนซ์บ้านกับ Refinn เลย เพราะที่ Refinn ไม่เพียงแต่มีทีมงานมากประสบการณ์ที่จะคอยให้คำแนะนำ และติดตามผลการรีไฟแนนซ์บ้านของคุณตลอดระยะเวลาดำเนินการเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การรีไฟแนนซ์บ้านนั้นสามารถทำได้อย่างสะดวก และง่ายดายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นบริการเปรียบเทียบโปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้าน ที่จะทำให้คุณเลือกโปรโมชันที่เหมาะสมกับตัวเองได้แบบไม่ยุ่งยาก รวมไปถึงการรีไฟแนนซ์บ้านที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านทางออนไลน์ ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัคร ไปจนถึงการติดตามผลการอนุมัติ นอกจากนี้บริการรีไฟแนนซ์บ้าน Refinn ยังสามารถใช้บริการได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บ้าน

รีไฟแนนซ์ธนาคารเดิมดีไหม

การรีไฟแนนซ์บ้านไม่เพียงแค่สามารถทำได้โดยการย้ายภาระหนี้สินไปยังสถาบันการเงินใหม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินเดิม เพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยได้ด้วยเช่นกัน และถึงแม้ว่าจะสามารถขอรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินเดิมได้ หากนำอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับมาเปรียบเทียบกันแล้ว การรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินใหม่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

รีไฟแนนซ์บ้านได้ตลอดหรือไม่ และทำได้กี่ครั้ง

การรีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำกี่ครั้งก็ได้ แต่จะสามารถทำการรีไฟแนนซ์บ้านได้ก็ต่อเมื่อมีการผ่อนชำระหนี้กับทางสถาบันการเงินเดิม ครบตามที่เงื่อนไขกำหนดอยู่ในสัญญาแล้วเท่านั้น ซึ่งแต่ละสถาบันการเงินก็จะมีเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์บ้านที่แตกต่างกัน บางแห่งอาจกำหนดไว้ 2 ปี บางแห่งอาจกำหนดไว้ 3 ปี หรือบางแห่งก็อาจกำหนดไว้ว่าต้องผ่อนชำระหนี้อย่างต่ำ 5 ปีก็มีเช่นกัน

สรุปเรื่องรีไฟแนนซ์บ้าน

เมื่อเศรษฐกิจเริ่มไม่มั่นคง แต่คุณยังผ่อนบ้านไม่หมด แถมอัตราดอกเบี้ยก็ยังสูงขึ้นเรื่อย ๆ การรีไฟแนนซ์บ้านจะสามารถตอบโจทย์ให้คุณได้อย่างแน่นอน เพราะไม่เพียงแค่จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงได้เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินให้แก่คุณ รวมถึงทำให้คุณสามารถผ่อนบ้านหมดได้ในระยะเวลาที่เร็วขึ้นอีกด้วย

แต่ถ้าหากใครที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านได้อย่างคุ้มสุด ๆ แถมยังสะดวกและง่ายดาย เราชอแนะนำ Refinn เพราะที่ Refinn เขาพร้อมให้บริการรีไฟแนนซ์บ้านแก่คุณ เพื่อให้ได้รับความพอใจและความคุ้มค่ามากที่สุด อีกทั้งยังสามารถใช้บริการได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย