รวมศัพท์กองทุนที่ควรรู้ รู้ลึก รู้จริง ลงทุนได้มั่นใจกว่าเดิม

คุณเคยเปิดอ่าน Fund Fact Sheet แล้วรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกไหม? NAV คืออะไร? Benchmark สำคัญแค่ไหน? แล้ว A-class กับ D-class ต่างกันยังไง? ถ้าเคยงงกับศัพท์กองทุน วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักคำศัพท์พื้นฐานของกองทุนรวมที่ควรรู้ อ่านจบปุ๊บ เข้าใจกองทุนมากขึ้นแน่นอน!

Benchmark
ค่ามาตรฐานที่ใช้เปรียบเทียบผลตอบแทนกองทุน เช่น กองทุนหุ้นไทยอาจเทียบกับดัชนี SET TRI ถ้ากองทุนให้ผลตอบแทนสูงกว่า Benchmark เท่ากับผู้จัดการกองทุนทำผลงานดี
Active Fund
กองทุนที่ผู้จัดการพยายามบริหารให้ผลตอบแทนชนะ Benchmark ใช้กลยุทธ์แบบแอคทีฟ มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง แต่เสี่ยงและค่าธรรมเนียมมากขึ้น
Passive Fund
กองทุนที่เน้นลงทุนตามดัชนี ไม่พยายามเอาชนะ Benchmark เช่น กองทุน SET50 ETF มีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าActive Fund
Master Fund
กองทุนหลักที่อยู่ในต่างประเทศ (ส่วนมาก) ซึ่งกองทุนไทยนำเงินไปลงทุนผ่านกองทุนนี้
Feeder Fund
กองทุนในไทยที่นำเงินไปลงทุนใน Master Fund โดยตรง เหมาะกับคนที่อยากลงทุนต่างประเทศโดยไม่ต้องเปิดบัญชีเอง
Fund of Funds
กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมอื่นๆ อีกที ช่วยกระจายความเสี่ยงอย่างมีระบบ
A-class (Accumulation)
กองทุนแบบไม่จ่ายปันผล กำไรจะสะสมไว้ใน NAV
D-class (Dividend)
กองทุนแบบจ่ายปันผลออกมาให้ผู้ลงทุน

Fund Fact Sheet
เอกสารสรุปข้อมูลสำคัญของกองทุน เช่น กลยุทธ์การลงทุน, ผลตอบแทนย้อนหลัง, ความเสี่ยง ฯลฯ ควรอ่านก่อนลงทุนเสมอ
Capital Gain
กำไรจากการขายหน่วยลงทุน เช่น ซื้อ NAV 10 บาท ขายตอน NAV 12 บาท = ได้ Capital Gain 2 บาท
Dividend
เงินปันผลที่กองทุนจ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุน ถ้าเลือก D-class จะได้ส่วนนี้เป็นงวดๆ
Standard Deviation (SD)
ตัวชี้วัดความผันผวนของผลตอบแทน ยิ่ง SD สูง เท่ากับ ผลตอบแทนเหวี่ยงมาก ความเสี่ยงก็สูงตาม
Dollar Cost Average (DCA)
กลยุทธ์ลงทุนสม่ำเสมอ เช่น ลงทุนทุกเดือนๆ ละ 1,000 บาท ไม่สนใจราคาขึ้นหรือลง ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
Lump Sum
ลงทุนแบบก้อนเดียวครั้งเดียว อาจได้กำไรมากหากเข้าจังหวะดี แต่ความเสี่ยงก็มากกว่าการ DCA
Hedging
มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เหมาะกับคนไม่อยากลุ้นค่าเงิน
Unhedging
ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน อาจได้กำไรหากค่าเงินแข็ง แต่ก็มีโอกาสขาดทุนเช่นกัน

Maximum Drawdown
การวัดการขาดทุนสูงสุดของกองทุนจากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง สะท้อนความเสี่ยงขาลง
Net Asset Value (NAV)
มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน ณ วันนั้นๆ เป็นราคาต่อหน่วยลงทุนที่ใช้ซื้อ-ขาย ถ้า NAV เพิ่มขึ้น = กำไร ถ้าลดลง = ขาดทุน
Tracking Error (TE)
ใช้วัดความคลาดเคลื่อนระหว่างผลตอบแทนกองทุนกับ Benchmark ยิ่งต่ำเท่ากับกองทุนยิ่งเกาะดัชนีได้ดี (โดยเฉพาะ Passive Fund)
Sharpe Ratio
วัด “ผลตอบแทนต่อหน่วยความเสี่ยง” ยิ่งสูงเท่ากับกองทุนให้ผลตอบแทนคุ้มกับความเสี่ยง
Percentile
การจัดอันดับกองทุนเทียบกับกลุ่มเดียวกัน เช่น อยู่ใน Percentile 10เท่ากับติดท็อป 10% ของกลุ่ม
Front-end Fee
ค่าธรรมเนียมขายกองทุนเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อ คือ ค่าธรรมเนียมที่เก็บเมื่อกองทุนขายหน่วยลงทุนให้กับเรา หรือเมื่อเราซื้อกองทุน
Back-end Fee
ค่าธรรมเนียมการซื้อคืน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าค่าธรรมเนียมเมื่อขาย คือ ค่าธรรมเนียมที่เก็บเมื่อกองทุนรับซื้อหน่วยลงทุนคืนจากเรา หรือเมื่อเราขายกองทุนคืนบางกองฟรีค่าใช้จ่ายนี้ ควรตรวจสอบก่อนลงทุน
Management Fee
ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการที่ผู้จัดการกองทุนเรียกเก็บ รวมอยู่ใน NAV แล้ว (ดูได้ใน Fund Fact Sheet)
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
โทร 02 – 437 – 1588
Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
โทร 02 – 437 – 1588
Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่