การตั้งค่าคุกกี้

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา

คุกกี้เป็นไฟล์เล็กๆ ใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูล โดยจะบันทึกลงไปในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใช้งานของลูกค้า ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ที่ลูกค้าเลือกใช้ ในขณะที่ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ลูกค้าสามารถยอมรับหรือปฏิเสธการใช้งานคุกกี้ได้ โดยการปรับการตั้งค่าในเบราว์เซอร์... 

Always Active

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ทุกส่วน คุกกี้ประเภทนี้จะถูกจัดเก็บและลบออกหลังจากการท่องเว็บไซต์ของลูกค้า

คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการจดจำลูกค้าเมื่อลูกค้ากลับมาที่เว็บไซต์ของบริษัทฯ อีกครั้ง สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ จัดเนื้อหาที่เหมาะสำหรับลูกค้าได้ ทักทายลูกค้าด้วยชื่อ และจดจำค่าที่ลูกค้าเลือกได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถวัดผลการทำงาน โดยประมวลผลจาก จำนวนหน้าที่ลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ ตลอดจนจำนวนลักษณะเฉพาะกลุ่มของผู้เยี่ยมชม โดยข้อมูลดังกล่าวจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชม และบริษัทฯ จะนำผลลัพธ์ดังกล่าวไปใช้ในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบสนองความต้องการ และการใช้งานของผู้เยี่ยมชมให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้ประเภทนี้จะจดจำการเข้าหน้าเว็บไซต์ จุดเยี่ยมชมและสนใจของลูกค้า ข้อมูลที่ได้นี้จะนำไปประกอบการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ และนโยบายทางการตลาดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า

Add Your Heading Text Here

UOBAM : Daily Update 25 กุมภาพันธ์ 2568

– ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (24 ก.พ.) แต่ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลงกว่า 1% โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการเทคโนโลยีที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลประกอบการของอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ

– ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,461.21 จุด เพิ่มขึ้น 33.19 จุด หรือ +0.08%,

– ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,983.25 จุด ลดลง 29.88 จุด หรือ -0.50% และ

– ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,286.92 จุด ลดลง 237.08 จุด หรือ -1.21%

– นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในอนาคตของชิป AI ราคาสูงจาก Nvidia ขณะเดียวกันก็รอดูผลประกอบการรายไตรมาสของ Nvidia ในวันพุธนี้ โดยความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายจำนวนมากในด้านเทคโนโลยีนั้น เกิดขึ้นนับตั้งแต่บริษัทดีปซีค (DeepSeek) ของจีนเปิดตัวโมเดล AI ต้นทุนต่ำ ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

– ตลาดมีความกังวลมากขึ้นหลังจากทีดี โคเวน (TD Cowen) เปิดเผยบทวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) ระบุว่า บริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้ยกเลิกสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ มีโครงสร้างพื้นฐาน AI มากเกินความต้องการ

– ขณะที่ Microsoft ระบุว่า แผนการลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ด้าน AI และคลาวด์ในปีงบการเงินปีนี้ยังคงอยู่ แต่บริษัทอาจมีการ “ปรับจังหวะหรือปรับเปลี่ยน” โครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่อย่างมีกลยุทธ์

– จีน โกลด์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากบริษัท Cetera Investment Management แสดงความเห็นว่า นักลงทุนมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว และข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับ AI ก็จะถูกนำมาเป็นเหตุผลในการขายทำกำไร นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในสัปดาห์ที่แล้ว

– หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.43% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลง 0.87% ส่วนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยดีดตัวขึ้น 0.75% ตามด้วยหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.45%

– หุ้น Nvidia ร่วงลง 3.1% ขณะที่หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้น Broadcom ร่วงลง 4.9% หุ้น Microsoft ร่วงลง 1% หุ้น Amazon.com ร่วงลง 1.8%

– หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ดีดตัวขึ้น 0.7% หลังจากบริษัทประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งโรงงานผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ในรัฐเท็กซัส

– นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

 

แหล่งที่มา : UOBAM

แหล่งข้อมูล: บล.เว็ลธ์ เมจิก