SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566
🟣Morning Update by SCBAM
📍Market update📍
📊 Major Index Weekly Return: S&P500-0.20%, NASDAQ-0.59%,STOXX600-0.09%, Nikkei225-0.10%, HSCEI-0.44%, CSI300+0.13%, KOSPI+0.77%, NIFTY50+0.45%, SET+0.29%, VNINDEX+0.62%, TH Reits-1.13%, SG Reits+0.53%
📊 Weekly Sector Return: Healthcare-XLV(+0.60%), Consumer Staples-XLP(+0.30%), Utilities-XLU(+0.21%), Communication Services-XLC(-0.34%), Real Estate-XLRE(-0.50%), Technology-XLK(-0.81%)
📊 USBY2Y 4.87%, USBY10Y 4.39%, WTI $77.77/bbl, Gold $1,998.29/oz, DXY 103.59
📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ ภายหลัง Fed minutes รายงานว่า Fed ยังคงไม่มีท่าทีที่จะปรับลดดอกเบี้ยเร็วๆนี้ และจะยังคงดำเนินนโยบานทางการเงินที่เข้มงวดต่อไป ในขณะที่ outlook ที่น่ากังวลของกลุ่มค่าปลีกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของตลาดหุ้นอีกด้วย
📰 เนื้อหาของการประชุม FOMC รายงานว่า Fed ไม่มีท่าที หรือส่งสัญญาณเกี่ยวกับโอกาสในการลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะอันใกล้แต่อย่างใด โดยทิศทางของนโยบายหลังจากนี้ยังคง “restrictive” จนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบ 2% ได้
📰 บริษัท Best Buy, Lowe, และ American Eagle ปรับประมาณการณ์ในอนาคตของยอดขาย และกำไรจากการดำเนินธุรกิจลง จากความไม่แน่นอนของกำลังซื้อ และพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคตอีกด้วย
📰 สหรัฐฯ เผยยอดขายบ้านมือสองลดลง 4.1% สู่ระดับ 3.79 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.90 ล้านยูนิต ได้รับผลกระทบจากการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และสต็อกบ้านในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทำให้ราคาบ้านพุ่งขึ้น
📰 Nvidia เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3/66 สูงกว่าที่คาดการณ์ โดยมีกำไรอยู่ที่ (4.02 ดอลลาร์/หุ้น vs 3.37 ดอลลาร์/หุ้น) ขณะที่รายได้อยู่ที่ (1.812 หมื่นล้านดอลลาร์ vs 1.618 หมื่นล้านดอลลาร์)
⏭️ Outlook ที่น่ากังวลของกลุ่มค้าปลีก ทำให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มจะอ่อนแอ เป็นอีกหนึ่งดัชนีชี้นำที่กำลังสะท้อนถึงทิศทางของเศรษฐกิจและการบริโภคที่น่าเป็นห่วง ในขณะที่ ท่าทีของ Fed ถ้ายังคงทิศทางของนโยบายที่เข็มงวดต่อไป โอกาสที่เศรษฐกิจและภาคการบริโภคที่กำลังอ่อนแออยู่นั้นจะได้รับผลกระทบมากขึ้น จนอาจส่งผลต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียนที่เคยเป็นตัวหนุนตลาดมาตลอดอีกด้วย
📰 ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดทรงตัวบวกลบสลับกันเมื่อวานนี้ โดยตลาดยังคงขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ รอติดตามการรายงาน Fed minutes ของทาง FOMC เพื่อทราบมุมมองเชิงลึกต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจ และ นโยบายการเงินในอนาคต
📰 อินเดียใกล้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากสหรัฐที่จะเปิดทางให้นำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้าไปจำหน่ายในอินเดียได้ในปีหน้า และสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดียภายในเวลา 2 ปี
📰 ครม.อนุมัติตั้งกอง “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ TESG)” หักลดหย่อยภาษีได้ ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 ให้มีผลถึง 31 ธ.ค.75 โดยจะต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อ
🔰 Outlook & Implication
✅️ ปัจจัยมหภาคเริ่มผ่อนคลายและสถิติในอดีตเชิงฤดูกาลสนับสนุนการฟื้นตัวระยะสั้น อย่างไรก็ตามจากปัจจัยสภาพคล่องโลกที่ยังลดลงต่อเนื่องและระดับมูลค่าตราสารหนี้ที่ดูจูงใจกว่าในเชิงเปรียบเทียบกับตลาดหุ้น อาจจำกัดการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลกระยะกลาง 3-6 เดือนข้างหน้า เราจึงมองการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลกรอบนี้เป็นโอกาสในการปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลมากขึ้น
✅️ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง-สูงแนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้โลก SCBINCA ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่มักปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น, อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีและสำหรับกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะยามที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า
✅️ กลุ่มหุ้นคุณภาพสูงที่คาดว่าจะสามารถทนทานในสภาวะดอกเบี้ยสูงและช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจได้ดีกว่าตลาดโดยรวมได้แก่ SCBGQUAL, SCBPGF
✅️ ตลาดหุ้นเวียดนามน่าสนใจในมุมระดับมูลค่าถูกเมื่อเทียบตัวเองในอดีตและภูมิภาค ขณะที่เศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง หากประเด็นความกังวลเรื่องสภาพคล่องของ Vingroup ไม่ขยายวงและค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่า เราคาดหวังการฟื้นตัวต่อตามตลาดหุ้นโลกแนะนำลงทุนกองทุน SCBVIET โดยดัชนี VN index ที่ตํ่ากว่า 1,100 จุดเป็นระดับที่น่าสะสมแบ่งไม้ลงทุน
แหล่งที่มา : SCBAM
แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก