Thailand Web Stat

SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566

🟣Morning Update by SCBAM

📍Market update📍

📊 Major Equity Indices: S&P500+1.05%, NASDAQ+1.64%, STOXX600+0.67%, Nikkei225+2.41%, HSCEI-0.04%, CSI300-0.04%, KOSPI+1.03%, NIFTY-0.47%, SET-0.14%, VNINDEX+1.12%, TH Reits-0.24%, SG Reits-0.20%

📊 Sector Return: Technology-XLK(+1.93%), Communication Services-XLC(+1.47%), Consumer Discretionary-XLY(+1.24%), Consumer Staples-XLP(-0.10%), Energy-XLE(-0.23%)

📊USBY2Y 4.94%, USBY10Y 4.73%, WTI $80.44/bbl, Gold $1,982.53/oz, DXY 106.88

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นรับดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาชะลอตัวเป็นส่วนใหญ่ หนุนความหวังว่า Fed จะลดการดำเนินนโยบายการเงินตึงตัว ขณะที่แผนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่น้อยกว่าคาดช่วยหนุน US Bond Yield ปรับตัวลงและตลาดหุ้นฟื้นตัว

📰 ดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนส่วนใหญ่ออกมาในทิศทางชะลอตัว ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเดือนต.ค.  (ISM Manu) ตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อน (46.7 vs 49.0 vs 49.0) ซึ่งเป็นการหดตัวตํ่ากว่าระดับ 50 จุดมา 12 เดือนติด โดยรายละเอียดจากการผลิต, คำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานล้วนหดตัว ส่วนตัวเลขฝั่่งแรงงานชะลอตัวเช่นกัน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ADP เดือนต.ค. ตํ่ากว่าคาด (113k vs 150k) ส่วนตัวเลขการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ (JOLTs) สูงกว่าคาด (9.55M vs 9.25M) แต่หลักๆ มาจากกลุ่ม Leisure and Hospitality (+181K)

📰 GDPNow ซึ่งเป็นแบบจำลองคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ของ Fed สาขา Atlanta ล่าสุด ปรับลดคาดการณ์การเติบโต GDP4Q23 ลงเหลือ 1.2%(as of 01/11/23) จากระดับ 2.3% หลังรวมข้อมูล ISM Manu. และ Construction spending เข้าไปคำนวณในโมเดล แสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะชะลอตัวลงมากขึ้นในระยะถัดไป

📰 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศรายละเอียดแผนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1.12 แสนล้านเหรียญในสัปดาห์หน้า ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยจะแบ่งเป็นการออกพันธบัตรอายุ 3 ปีมูลค่า 4.8 หมื่นล้านเหรียญ, พันธบัตรอายุ 10 ปีมูลค่า 4.0 หมื่นล้านเหรียญและพันธบัตรอายุ 30 ปีมูลค่า 2.4 หมื่นล้านเหรียญ นอกจากนี้ทางกระทรวงการคลังมีแผนที่จะออกขายพันธบัตรในช่วงอายุที่หลากหลายและเพิ่มช่วงอายุสั้นมากขึ้นในอนาคต

⏭️ รายงานดังกล่าวช่วยลดความกังวลเรื่อง Supply Bond ที่จะเร่งตัวสูงขึ้นกว่าคาดและช่วยให้ US bond yield ปรับตัวลงหนุนตลาดหุ้นฟื้นตัวช่วงสั้น

📰 สรุปสาระสำคัญของผลการประชุม Fed เมื่อคืนได้ดังนี้

1) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายตามคาดที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งหลังสุดหลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยมา 11 ครั้งติดต่อกัน ขณะที่การทำ QT ยังคงดำเนินต่อไปตามแผนการเดิม

2) Statement ยังบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวแข็งแกร่งในไตรมาสสาม และการจ้างงานยังคงแข็งแกร่งเช่นกันแม้จะเริ่มเห็นการชะลอตัว

3) สาระสำคัญของถ้อยแถลงประธาน Fed หลังการประชุมยังเหมือนเดิม โดยเน้นยํ้า “Data Dependent” ในการกำหนดนโยบายการเงินและยังไม่ปิดโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ส่วนการกลับมาลดดอกเบี้ยหรือการเปลี่ยนแปลงการลดขนาดงบดุลนั้นยังไม่ได้นำมาพูดถึงในที่ประชุม นอกจากนี้ยังมองว่านโยบายการเงินในปัจจุบันค่อนข้างสมดุลไม่ผ่อนคลายหรือเข้มงวดมากจนเกินไปและยังคงให้ความสำคัญในการดึงเงินเฟ้อลงมาที่ระดับเป้าหมาย2%

⏭️ ผลการประชุมโดยรวมถือว่าออกมาตามคาด อย่างไรก็ตามล่าสุด FedWatch tool บ่งชี้โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ปรับลดลงเหลือ 17.1% จาก 28.8% ซึ่งหากผลออกมาคงดอกเบี้ยตามตลาดคาดจริงคาดว่าน่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นฟื้นตัว

📰 AMD ผู้ผลิตและออกแบบชิปสำหรับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายงานงบออกมาดีกว่าคาดทั้งยอดขาย (+4%YoY) และกำไร (+350%YoY) ได้แรงหนุนจาก segment กลุ่ม Client ซึ่งประกอบด้วย CPUs และ APUs ของ Desktop และ Notebook มีรายได้เติบโตสูง (+42%YoY, +46%QoQ) บ่งชี้แนวโน้มภาพ Consumer Electronics เริ่ม Bottoming out ขณะที่กลุ่ม Data Center ที่รายได้ทรงตัวเมื่อเทียบปีก่อนแต่เร่งตัว +21%QoQ สะท้อนความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามราคาหุ้นตอบสนองเชิงลบจากคาดการณ์รายได้ 4Q23 ออกมาตํ่ากว่าตลาดคาด

📰 Qualcomm ซึ่งถือเป็นบริษัทชั้นนำสำหรับชิปที่ใช้ในโทรศัพท์และอุปกรณ์ Handset รายงานงบหดตัวลงทั้งยอดขาย (-24%YoY) และกำไร (-48%YoY)  แต่ถือว่าหดตัวน้อยกว่าคาด รวมทั้งบริษัทยังให้มุมมองเชิงบวกและคาดการณ์กำไรในไตรมาสปัจจุบันมากกว่าตลาดคาด บ่งชี้ความต้องการอุปกรณ์ Handset เริ่มฟื้นตัวขึ้นและน่าจะผ่านจุดตํ่าสุดในปีนี้ หนุนราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจากรายงานดังกล่าว

⏭️ งบที่ทยอยออกมาของกลุ่มหุ้น Semiconductor สะท้อนภาพการเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปของกลุ่ม consumer electronics เช่น smartphone, gadgets และ PCs ขณะที่ภาพความต้องการชิป AI ยังแข็งแกร่งแต่กลับเห็นภาพความต้องการที่อ่อนแอลงของกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ EV ดังนั้นเราจึงมีปรับลดคำแนะนำลงจาก Positive เป็น Neutral กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ EV

📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกลบสลับกันไป โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเวียดนามฟื้นตัวเด่นกว่าภูมิภาค

📰 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตจีน (Caixin PMI Manu.) ตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อน (49.5 vs 50.8 vs 50.6) และอยู่ในโซนหดตัวสอดคล้องกับ PMI ที่จัดทำโดยทางการที่ออกมาก่อนหน้า นอกจากนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตในหลายประเทศของเอเชียต่างออกมาในทิศทางชะลอตัวเช่นกัน โดยอินเดียยังขยายตัวแต่ตํ่ากว่าคาด ขณะที่ เกาหลีใต้, ไทยและเวียดนามอยู่ในโซนหดตัวตํ่ากว่า50 จุด บ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียชะลอตัว

 

🔰 Outlook & Implication

✅️ แนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลก ถึงแม้เรายังคาดหวังการฟื้นตัวในไตรมาสสี่ แต่ปัจจัยกดดันจากสงครามตะวันออกกลาง, US bond yield ที่ยังปรับตัวขึ้นและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาบวกลบสลับกันไป ทำให้ความหวังเห็นภาพตลาดหุ้นฟื้นตัวอาจถูกเลื่อนออกไป

✅️ เราจึงปรับคำแนะนำให้ wait & see ระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยแนะนำพักเงินในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น SCBSFFPLUS หรือกระจายความเสี่ยงพอร์ตผ่านกองทุน SCBFST ที่จะได้ประโยชน์ช่วงค่าเงิน USD แข็งค่าเทียบเงินบาท

✅️ สำหรับนักลงทุนที่รับความผันผวนสูงระยะสั้นได้และคาดหวังการฟื้นตัวหากปัจจัยกดดันมหภาคเริ่มคลี่คลายขึ้นแนะนำกลุ่มหุ้นคุณภาพสูงที่คาดว่าจะสามารถทนทานในสภาวะดอกเบี้ยสูงได้ดีกว่าตลาดได้แก่ SCBGQUAL, SCBNDQ และ SCBPGF

 

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก