Thailand Web Stat

SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2566

📈Market update📈

📊 Major Equity Indices: S&P500+0.39%, NASDAQ+0.93%,STOXX600-0.63%, CSI300-0.82%, KOSPI-0.35%, NIFTY50+0.75%, SET+0.71%, VNINDEX+0.40%

📊 Sector Return: Technology-XLK(+1.28%), Financial-XLF(+0.96%), Consumer Discretionary-XLY(+0.41%), Real Estate-XLRE(-0.85%), Utilities-XLU(-1.15%)

📊 USBY2Y 4.74%,USBY10Y 3.81%, WTI $74.15/bbl, Gold $1,955.04/oz, DXY 99.84

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากทิศทางดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุดและตลาดคลายกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง นำโดยบริษัทกลุ่มเหมืองแร่และสินค้าหรูหรา หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ต่ำกว่าคาด

📰 Bloomberg consensus คาดการณ์ผลประกอบการ 2Q23 ของตลาดหุ้น S&P500 ลดลง 9%YoY นับเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 เช่นเดียวกับในยุโรปที่คาดการณ์ว่าผลประกอบการจะลดลงถึง 12%YoY

⏭️ เราคาดว่าตลาดจะกลับมาสนใจเกี่ยวกับรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบีนใน 2Q23 มากขึ้น หลังจากคลายกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed รวมทั้งเข้าสู่ช่วง Blackout Period ซึ่งเจ้าหน้าที่ Fed จะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ดังนั้นผลประกอบการบริษัทฯน่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดหุ้น โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ที่มีการรายงานผลประกอบการใน S&P500 จำนวนมาก

📰 รัสเซียประกาศยุติการมีส่วนร่วมในข้อตกลงส่งออกธัญพืชจากยูเครนผ่านเส้นทางทะเลดำตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. หลังจากมีการทำข้อตกลงกันเมื่อปีที่แล้วเพื่อบรรเทาวิกฤตอาหารโลกที่เกิดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

⏭️ หลังการรายงานข่าวดังกล่าว ทำให้ราคาธัญพืชตลาดโลกปรับตัวขึ้นทันทีก่อนจะปรับตัวลง หลังจากประธานาธิบดีตุรกีเสนอเจรจากับทางรัสเซียให้สานต่อข้อตกลงดังกล่าว รวมทั้งผู้นำยูเครนแสดงความมุ่งมั่นในการส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำต่อไป ทั้งนี้ต้องติดตามว่ารัสเซียจะกลับมาใช้ข้อตกลงเดิมหรือไม่ โดยถ้าการส่งออกธัญพืชมีปัญหาอาจทำให้ราคาธัญพืชปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลต่อเงินเฟ้อ โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรป

📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปิดปรับตัวบวกลบสลับกัน โดยตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงจากรายงานตัวเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียปรับขึ้นทำจุดสูงสุดต่อเนื่องหนุนจาก fund flow ต่างชาติ และตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นจากตลาดคาดว่าการเมืองจะมีความชัดเจนขึ้นและพรรคเพื่อไทยมีความน่าจะเป็นมากขึ้นในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการ

📰 รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีนโดยรวมยังคงอ่อนแอ โดยตัวเลข GDP2Q23 ออกมาต่ำกว่าคาดแต่สูงกว่าเดือนก่อนหน้า (6.3% vs 7.1% vs 4.5%YoY), Retail Sales ชะลอลงต่ำกว่าคาดและเดือนก่อน (3.1% vs 3.3% vs 12.7%YoY) ส่วน Industrial Production ออกมาสูงกว่าคาดและเดือนก่อนหน้า (4.4% vs 2.5% vs 3.5%YoY), การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ออกมาสูงกว่าคาดแต่ชะลอลง (3.8% vs 3.4% vs 4.0%YoY YTD) ขณะที่อัตราการว่างงานโดยรวมเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 5.2% แต่อัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวอายุ 16-24 ปี อยู่ที่ 21.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์

⏭️ ตัวเลขเศรษฐกิจข้างต้นของจีน บ่งชี้ถึงกิจกรรมเศรษฐกิจที่ชะลอลงต่อเนื่อง แม้ GDP จะขยายตัวเพิ่มขึ้น YoY จากไตรมาสก่อน แต่เป็นผลจากฐานที่ต่ำของปีก่อน ขณะที่ยอดค้าปลีกและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรโดยเฉพาะภาคอสังหาฯยังคงอ่อนแอ รวมทั้งปัญหาการว่างงานของคนหนุ่มสาวยังคงเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังมีความไม่แน่นอนสูง เราจึงคาดว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่จีนจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนในระยะกลาง-ยาว จากระดับมูลค่าที่ถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและปัจจัยลบที่ซึมซับไปในราคาหุ้นค่อนข้างมากแล้ว รวมทั้งในระยะสั้นแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่ามักจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน

 

🔰 Outlook & Implication

✅️ ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุน โดยทยอยแบ่งไม้สะสมลงทุน หากตลาดปรับย่อตัวลงจาก special rebalancing ในดัชนี NASDAQ100 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าในกลุ่มหุ้นคุณภาพ (SCBGQUAL) และกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี (SCBNDQ/ SCBDIGI) โดยมองว่าพื้นฐานการเติบโตไม่เปลี่ยนและได้แรงหนุนการเติบโตจาก AI Boom และน่าจะ Outperform ตลาดในสภาวะ Peak Rate และ Late Cycle

✅️ กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวและมีการเติบโตที่น่าสนใจในระยะกลาง-ยาว 1) SCBTRAVEL กองทุนที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและช่วง High season การท่องเที่ยวในฝั่งตะวันตกคาดช่วยหนุนการเติบโตเชิงฤดูกาล 2) SCBEV  กองทุนที่ได้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุน EV รอบใหม่ของจีนและ Inflation Reduction Act ของสหรัฐฯ ที่ยังดำรงอยู่ต่อไปหลังผ่านการเพิ่มเพดานหนี้

 

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก