Thailand Web Stat

SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2566

🟣Morning Update by SCBAM

📍Market update📍

📊 Major Equity Indices: S&P500+1.37%, NASDAQ+1.38%, STOXX600-0.06%, Nikkei225+0.25%, HSCEI-1.13%, CSI300-1.67%, KOSPI-0.97%, NIFTY+0.10%, SET-1.16%, VNINDEX-1.19%, TH Reits-0.23%, SG Reits-0.21%

📊 Sector Return: Utilities-XLU(+3.78%), Real Estate-XLRE(+3.63%), Healthcare-XLV(+1.84%), Consumer Discretionary-XLY(+1.31%), Communication Services-XLC(+0.94%), Technology-XLK(+0.88%)

📊 USBY2Y 4.43%, USBY10Y 4.02%, WTI $69.47/bbl, Gold $2,027.74/oz, DXY 102.94

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นดีหลังผลการประชุม Fed บ่งชี้การจบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นและให้ภาพ Goldilocks ต่อการลงทุนหนุนตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ปรับตัวขึ้น

📰 ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ ตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อน (0.9% vs 1.0% vs 1.2%YoY, 0.0% vs 0.1% vs -0.4%MoM) สอดคล้องกันกับดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อน (2.0% vs 2.2% vs 2.3%YoY, 0.0% vs 0.2% vs 0.0%MoM)

⏭️ รายงานข้างต้นสะท้อนภาพเงินเฟ้อจากฝั่งผู้ผลิตชะลอตัวลงต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดีบ่งชี้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อผู้บริโภคน่าจะมีทิศทางชะลอตัวต่อเช่นกัน

📰 สรุปสาระสำคัญของผลการประชุม Fed เมื่อคืนดังนี้

1) คณะกรรมการมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25%-5.50% ตามตลาดคาดและเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยยังคงลดขนาดงบดุลตามแผนเดิม

2) Policy Statment ให้มุมมองต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง ขณะที่การจ้างงานยังแข็งแกร่ง ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อผ่อนคลายมากขึ้นต่อเนื่องแม้จะยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม ทัังนี้ทางคณะกรรมการยังตั้งเป้าที่จะควบคุมเงินเฟ้อลงมาอยู่ที่ระดับ 2% ในระยะยาวต่อไป โดยพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับชุดข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคต (Data Dependent)

3) Summary of Economic Projections มีปรับคาดการณ์ GDP ขึ้นจาก 2.1% เป็น 2.6% ในปีนี้และมีการปรับลดของปีหน้าลงเพียงเล็กน้อยจาก 1.5% เป็น 1.4% ส่วนคาดการณ์อัตราการว่างงานยังคงเดิมที่ 3.8% ในปีนี้และ 4.1% ในปีหน้า สะท้อนภาพเศรษฐกิจชะลอตัวลงไม่มากและตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง แต่ส่วนที่ตลาดให้ความสนใจคือการคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไป (PCE) มีการปรับลดลงจาก 3.3% เหลือ 2.8% ในปีนี้และ 2.5% เป็น 2.4% ในปีหน้าขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) ปรับลดลงเช่นกันจาก 3.7% เหลือ 3.2% ในปีนี้และ 2.6% เป็น 2.4% ในปีหน้า

4) สำหรับ Dot Plot รอบนี้ออกมา Dovish กว่ารอบก่อน โดยค่ากลางของระดับดอกเบี้ยนโยบายปี 2024 และ 2025 อยู่ที่ 4.625% และ 3.625% ตามลำดับ สะท้อนโอกาสปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2024 และ 4 ครั้งในปี 2025

5) ความเห็นช่วงแถลงข่าวของประธาน Fed ค่อนข้างพอใจกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงแม้ยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม จากแนวโน้มดังกล่าวจึงมองว่าน่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมแล้ว แต่หากเงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวขึ้นก็พร้อมเปลี่ยนท่าทีเช่นกัน โดยมองว่าที่ผ่านมา Fed ต้องต่อสู้กับเงินเฟ้อทั้งฝั่งอุปสงค์และฝั่งอุปทาน แต่ปัญหาฝั่งอุปทานที่ตึงตัวใกล้กลับเข้าสู่ปกติก่อนโควิดแล้ว ขณะที่มองแนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะเกิด soft landing แต่ก็ไม่ตัดความเสี่ยงที่จะเกิด recession ออกไปเช่นกัน

⏭️ ผลการประชุมดังกล่าวตลาดรับรู้ในเชิงบวก ถึงแม้ Dotplot ที่ออกมาคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดประมาณ 5 ครั้งก็ตาม เนื่องจากโทนการแถลงของประธาน Fed เสมือนการประกาศชัยชนะต่อการควบคุมเงินเฟ้อและไม่พยายามลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยปีหน้าของนักลงทุน ดังนั้นตลาดการเงินอาจมี sentiment บวกต่อเนื่องต่อไป แต่ความเสี่ยงขาลงจะเพิ่มสูงมากขึ้นในระยะถัดไป หากแนวโน้มเงินเฟ้อไม่ชะลอลงตามตลาดคาดหวัง

📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ นำโดยตลาดหุ้นจีนหลังดัชนีเศรษฐกิจฝั่งสินเชื่อออกมาตํ่ากว่าคาดและตลาดผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมด้านเศรษฐกิจประจำปี

📰 ยอดเงินกู้ใหม่ของจีนเดือนพ.ย. ตํ่ากว่าคาด (1,090 vs 1,300 billion yuan) ยอด Total Social Financing ตํ่าคาด (2,450 vs 2,600 billion yuan) และ Outstanding Loan Growth ตํ่ากว่าคาดเช่นกัน (10.8% vs 11.0%YoY) สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่อาจฟื้นตัวตํ่าคาดต่อไป

📰 การประชุมกรอบงานด้านเศรษฐกิจประจำปีของจีนซึ่งจัดเป็นเวลา 2 วันและสิ้นสุดไปแล้ว (12 ธ.ค.) โดยปธน. สีจิ้นผิงให้ความสำคัญในการสร้างระบบอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและเทคโนโลยี AI เป็นลำดับแรก ส่วนความสำคัญในการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศได้ถูกลดความสำคัญลงเป็นอันดับสอง

⏭️ การประชุมดังกล่าวค่อนข้างสร้างความผิดหวังแก่นักลงทุน เนื่องจากมาตรการที่มีการประกาศในการประชุมแทบไม่มีอะไรเพิ่มจากเดิมและการลดความสำคัญการบริโภคภายในประเทศลงอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าทางการจีนอาจไม่ออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติมแล้ว ท่ามกลางดัชนีเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวตามตลาดคาดก็ตาม

 

🔰Outlook & Implication

✅️ระยะสั้นคาดตลาดอาจพักฐานหรือแกว่งตัวในกรอบ หลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาเร็วและแรง แต่เริ่มขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพระยะกลาง 1-2 เดือน จากปัจจัยมหภาคเริ่มผ่อนคลายและสถิติในอดีตเชิงฤดูกาลสนับสนุนการฟื้นตัว

✅️สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง-สูงแนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้โลก SCBINCA ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่มักปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น, อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีและสำหรับกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะยามที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า

✅️กลุ่มหุ้นคุณภาพสูงที่คาดว่าจะสามารถทนทานในสภาวะดอกเบี้ยสูงและช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจได้ดีกว่าตลาดโดยรวมได้แก่ SCBGQUAL, SCBPGF

✅️ตลาดหุ้นไทยถึงแม้จะปรับตัวลงแย่กว่าภูมิภาคและหุ้นทั่วโลกตลอดทั้งปี แต่กลับมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อลุ้นการฟื้นตัวในปีหน้าจากปัจจัยสนับสนุน 1) ทิศทางหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าและตลาดหุ้นไทยมักฟื้นตัวขึ้นได้ 2) แนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้นจากปีนี้ สวนทางหลายประเทศทั่วโลกที่จะชะลอตัวลง 3) คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะกลับมาขยายตัวขึ้นอีกครั้งในปีหน้า หลังจากปีนี้หดตัวติดลบ 4) ระดับมูลถูกกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี น่าสนใจลงทุน

 

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก