Morning Update by SCBAM (26/2/25)
Market update
Major Equity Indices: S&P500-0.47%, NASDAQ-1.35%, Russell2000-0.38%
STOXX600+0.15%, Nikkei225-1.39%, HSCEI-1.39%, CSI300-1.11%, KOSPI-0.57%, NIFTY-0.03%, SET-2.38%, VNINDEX-0.11%, TH Reits-1.12%, SG Reits-0.04%, Global REITs+0.27%
Sector Return: Consumer Staples-XLP(+1.42%), Real Estate-XLRE(+1.06%), Health Care-XLV(+0.86%), Technology-XLK(-1.30%), Energy-XLE(-1.44%), Communication Services-XLC(-1.48%)
USBY2Y 4.09%, USBY10Y 4.29%, WTI $68.93/bbl (-2.5%), Gold 2,914.98/oz (-1.2%), DXY 106.29
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. ต่ำกว่าคาด ขณะเดียวกัน US Bond Yield 10 ปี แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. 2024 หลังนักลงทุนทยอยเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. ลดลงอยู่ที่ 98.3 จาก 105.3 ในเดือนก่อนหน้า เเตะระดับต่ำสุดรายเดือนนับตั้งเเต่ ส.ค. 2021
️ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงสะท้อนความกังวลต่อสงครามการค้า ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น กดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการกระจายความเสี่ยง สะท้อนผ่านการปรับลดลงของ US Bond Yield อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ระยะสั้นอาจเผชิญความผันผวนและ หากมีการพักฐาน เรามองเป็นจังหวะทยอยสะสม ด้วยปัจจัยหนุนจากเเนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงเเข็งเเกร่ง
ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ จากความกังวลนโยบายควบคุมการส่งออกชิบไปจีนเเละความเสี่ยงจากการมาตรการเข้มงวดต่อบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนซื่อขายในสหรัฐฯ
รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมร่างแผนควบคุมการส่งออกชิปไปจีน ซึ่งครอบคลุมทั้งบริษัทในสหรัฐฯ และบริษัทในประเทศพันธมิตร โดยมุ่งกำหนดมาตรการเพื่อลดการสนับสนุนด้านบริการและการจัดหาเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน เพื่อลดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ควบคู่ไปกับการรักษาความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรของสหรัฐฯ และลดความเสี่ยงด้านความมั่นคง
️ เรามองว่ามาตรการนี้อาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อบริษัทเทคโนโลยีจีน ผ่านปัญหา Supply Chain Disruption ซึ่งถือว่าไม่รุนแรงเท่ากับผู้ผลิตต้นน้ำ เช่น Nvidia ซึ่งอาจเผชิญกับรายได้ในจีนที่ลดลงทันที นอกจากนี้การประชุมสองสภาที่กำลังจะมีขึ้นอาจนำมาซึ่งนโยบายสนับสนุน ที่ช่วยบรรเทาผลกระทบในระยะสั้นได้
Outlook & Implication
ระยะสั้น คาดว่าตลาดหุ้นโลกยังผันผวนสูง จากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ รวมทั้งนักลงทุนรอติดตามรายงานงบ Nvidia ในวันพุธนี้ ซึ่งจะมีผลต่อ Sentiment หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
กองทุนแนะนำ
SCBS&P500/ SCBNDQA/ SCBDJI (Accumulate Buy) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมคาดว่าจะปรับตัวโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นโลก จากนโยบาย Pro-growth Policies ของ Trump, Policy Normalization ของ Fed และ Productivity & Profit ของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ที่เติบโตดีต่อเนื่อง
SCBUSA/SCBUSSM (Buy on Dip) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาบริเวณจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ที่เด่นชัด อาจกระตุ้นให้เกิดการพักฐานระยะสั้นได้ ซึ่งหากเกิดขึ้น เรามองเป็นจังหวะเข้าทยอยสะสมเพิ่มเติม โดยชอบกองทุนแนว Active Fund ที่สามารถคัดเลือกหุ้นได้โดดเด่นยามตลาดขาขึ้นและโฟกัสกลุ่มหุ้น AI Adopters เป็นหลัก
SCBJAPAN(A)/ SCBNK225 (Trading Buy) ระยะสั้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีปัจจัยหนุนจาก BOJ ส่งสัญญาณเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อลดความผันผวนของ Bond Yield และค่าเงินเยน รวมทั้งงบ 4Q24 ที่ออกมาดีกว่าคาด มองเป็นโอกาส Trading ระยะสั้น หลังจาก ดัชนี Nikkei225 ปรับตัวลงมาใกล้แนวรับบริเวณ 38,000 จุด โดยมีแนวต้านบริเวณ 40,000 จุด
SCBCEH/SCBCTECH (Buy on Dip) ตลาดหุ้นจีนฮ่องกง โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี คาดจะได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าการมาของ DeepSeek จะช่วยเร่ง AI Adoption เร็วขึ้น ระยะสั้นอาจมีแรงขายทำกำไร แต่มองเป็นโอกาสสะสมเมื่อย่อตัว
แหล่งที่มา : SCBAM
แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก