Morning Update by SCBAM (2/5/2025)

✅ Market update ✅

📊 Major Equity Indices: S&P500+0.63%, NASDAQ+1.52%, Russell2000+0.60%

STOXX600+0.02%, Nikkei225+1.13%, Global REITs+0.38%

📊 Sector Return: Technology-XLK(+1.47%), Industrials-XLI(+0.75%), Consumer Discretionary-XLY(+0.55%), Materials-XLB(-0.44%), Consumer Staples-XLP(-0.87%), Health Care-XLV(-2.73%)

📊 USBY2Y 3.70%, USBY10Y 4.22%, WTI $59.24/bbl (+1.8%), Gold 3,239.2/oz(-1.5%), DXY 100.25

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวบวก นำโดยกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หลังนักลงทุนทยอยรับรู้งบ 1Q25 ที่โดยรวมดีกว่าคาด ขณะที่ดัชนีเศรษฐกิจชะลอตัว สร้างความคาดหวังว่าจะกดดันให้ Fed ผ่อนคลายนโนบายการเงิน หรือ ทีมเจรจา Trump จะเร่งเจรจาหาข้อตกลงเร็วขึ้น

📰 ISM Manufacturing เดือนเม.ย.ออกมาสูงกว่าคาดแต่ต่ำกว่าเดือนก่อน (48.7 vs 48.0 vs 49.0) และต่ำกว่า 50.0 จุดเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน บ่งชี้ภาคการผลิตมีแนวโน้มหดตัวในระยะข้างหน้า

📰 Initial Jobless Claims สูงกว่าคาดและรอบก่อน (241K vs 224K vs 223K) ขณะที่ Continuing Jobless Claims สูงกว่าคาดและรอบก่อนเช่นกัน (1,916K vs 1,860K vs 1,833K) บ่งชี้ตลาดแรงงานชะลอตัวมากกว่าคาด

⏩️ ดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยออกมาชะลอตัวเนื่อง อาจกลายเป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้นระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวจะกดดันให้ Fed เปลี่ยนท่าทีต่อนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น (Fed Put) หรือจะกดดันให้ทีมเจรจาของคุณ Trump เร่งทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่นๆ มากขึ้น (Trump Put)

📰 Meta งบดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไรสุทธิ โดยรายได้จากโฆษณาเติบโต +13%YoY สำหรับ 2Q25 บริษัทคาดรายได้จะอยู่ระหว่าง 4.25–4.55 หมื่นล้านเหรียญฯ ใกล้เคียงตลาดคาด ทั้งนี้ บริษัทประกาศเพิ่มงบลงทุนปี 2025 เป็น 6.4–7.2 หมื่นล้านเหรียญฯ จากเดิมระหว่าง 6.0–6.5 หมื่นล้านเหรียญฯ เพื่อพัฒนา AI Infrastructure และผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น AI Glasses และ Meta AI 

⏩️ สรุปงบของ Meta โดยรวมถือว่าดีกว่าคาด ประกอบกับระดับ Valuation ที่ลดความตึงตัวมามากพอสมควรตั้งแต่ต้นปี จึงอาจช่วยหนุนราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ระยะสั้น แต่ทิศทางราคาหุ้นในระยะกลางอาจยังมีความผันผวนจากประเด็นการค้า หากยืดเยื้อและรุนแรงเพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่อความต้องการโฆษณาของบริษัทต่างๆ ผ่าน Social Platform ชะลอตัวลงได้

📰 Microsoft งบดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไรสุทธิ โดย Intelligent Cloud ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 38% ของรายได้รวมบริษัท เติบโตสูง 21% YoY​จากความต้องการใน Azure (+33%YoY) ทั้งนี้ CEO บริษัทเน้นย้ำถึงบทบาทของ AI โดย Microsoft เริ่มเห็นการนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ของบริษัทไปใช้ในวงกว้างมากขึ้น สะท้อนได้จากจำนวนผู้ใช้งาน Microsoft 365 Copilot เพิ่มขึ้นราว 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

⏩️ สรุปงบของ Microsoft โดยรวมถือว่าดีกว่าคาด ประกอบกับระดับ Valuation ที่ลดความตึงตัวมามากพอสมควรตั้งแต่ต้นปี จึงอาจช่วยหนุนราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ระยะสั้น ถึงแม้ทิศทางราคาหุ้นในระยะกลางอาจยังมีความผันผวนหากประเด็นการค้ายืดเยื้อ แต่ด้วยประเภทธุรกิจของบริษัทที่ค่อนข้างมีความทนทานต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ จึงคาดว่าจะได้รับผลกระทบจำกัดกว่าตลาด

📰 Amazon งบดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไรสุทธิ แต่ให้ Guidance ไตรมาสถัดไปต่ำกว่าตลาดคาด เนื่องจากแรงกดดันภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่เพิ่มขึ้นถึง 145% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เนื่องจากสินค้าราว 70% ที่วางขายใน Amazon มาจากจีน สำหรับ AWS รายได้ขยายตัว +17%YoY โดยอัตรากำไรเพิ่มขึ้น 231 bps ตอกย้ำความสามารถในการทำกำไรที่ดีและถือเป็นธุรกิจหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตกำไรบริษัทโดยรวมในอนาคตต่อไป

⏩️ สรุปงบ Amazon โดยรวมถือว่าดีกว่าคาด แต่บริษัทให้ Guidance ที่ระมัดระวังต่อความเสี่ยงผลกระทบจากสงครามการค้า โดยราคาหุ้นอาจผันผวนสูงต่อไป หากประเด็นการค้ายืดเยื้อ ในทางกลับกันราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวแรงเช่นกัน หากมีความคืบหน้าเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

📰 Apple งบดีกว่าคาดทั้งรายได้และกำไรสุทธิโดยผลิตภัณฑ์ iPhone ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 49% ของรายได้รวม เติบโตเพียง +2%YoY จากยอดขายใน Greater China ที่หดตัว -2%YoY ส่วนกลุ่มที่เติบโตดีได้แก่ ผลิตภัณฑ์ iPad เติบโต +15%YoY และธุรกิจบริการเติบโต +12%YoY ทั้งนี้ CEO Tim Cook แสดงความกังวลต่อผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยบริษัทเตรียมรับมือกับภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นและจะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 900 ล้านเหรียญฯ ในไตรมาสหน้า

⏩️ สรุปงบของ Apple โดยรวมถือว่าดีกว่าคาด แต่แสดงความกังวลต่อต้นทุนบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากผลกระทบสงครามการค้า ทั้งนี้ ราคาหุ้นอาจผันผวนสูงต่อไป หากประเด็นการค้ายืดเยื้อ ในทางกลับกันราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวแรงเช่นกัน หากมีความคืบหน้าเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

📰 การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง ที่ระดับ 0.50% ตามตลาดคาด โดย BOJ ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2025 ซึ่งเริ่มต้นในเดือนเม.ย. จะขยายตัวเพียง 0.5% ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ 1.1% โดยเตือนว่าสงครามการค้าอาจทำให้เศรษฐกิจและกำไรของบริษัทญี่ปุ่นชะลอตัวลง ขณะที่คาดการณ์ว่า Core CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารสด จะเพิ่มขึ้น 2.2% ในปีนี้ ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ 2.4% โดยคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในช่วงครึ่งหลังของปี

🔰Outlook & Implication

▶️ ตลาดหุ้นโลกยังคงมีความผันผวนสูงทั้งด้านบวกและลบ ตามพัฒนาการของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน และประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ นอกจากนี้ แนะนำติดตามดัชนีตลาดแรงงานสหรัฐฯในวันศุกร์ ซึ่งน่าจะมีผลต่อการกำหนดทิศทางดอกเบี้ยของ Fed ในระยะถัดไป

▶️ แนะนำกระจายความเสี่ยงผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศ (SCBFP/SCBDBOND/SCBSFFPLUS) และต่างประเทศ (SCBINCA) เพื่อรักษาสภาพคล่อง และรอจังหวะเพิ่มน้ำหนักหุ้นเมื่อความผันผวนลดลง

▶️ ส่วนกองทุนหุ้นต่างประเทศ ยังคงเน้นกลุ่มที่คาดว่า จะมีความผันผวนน้อยกว่าภาวะโดยรวม เช่น หุ้นโลกเชิงคุณภาพ (SCBGQUAL(A)), Value (SCBGVALUE(A)) และ Low Volatility (SCBLEQA) เป็นต้น

▶️ สำหรับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น S&P 500 (SCBS&P500A) และ NASDAQ 100 (SCBNDQ(A)) มีการฟื้นตัวกลับที่เร็วและแรง แนะนำให้รอสะสมในจังหวะที่ตลาดย่อตัวอีกครั้ง

 

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก