ตอบทุกข้อสงสัย กับเงื่อนไขใหม่ Thai ESG

จากที่ Thai ESG ออกมาเมื่อปี 2566 อาจจะยังไม่ค่อยได้รับความนิยมจากนักลงทุนสักเท่าไหร่ จึงทำให้มีการปรับเงื่อนไขใหม่ กลางปี 2567 เพื่อขับเคลื่อนตลาดทุน และสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนมากขึ้น ซึ่งก็ถือว่าได้รับความนิยมจากนักลงทุนจำนวนมาก แต่บางคนอาจจะยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Thai ESG

1. การปรับเงื่อนไขใหม่ของกองทุน Thai ESG เป็นอย่างไร

ลดระยะเวลาการถือครองจากเดิม 8 ปี เหลือ 5 ปี (นับจากวันที่ลงทุน แบบวันชนวัน)
ปรับเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีจากเดิม 100,000บาท เป็น 300,000 บาท

2. นโยบายการลงทุนของThai ESG เปลี่ยนไปจากเดิมไหม

ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม เพียงแค่เพิ่มในส่วนของการกำหนดให้สามารถลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญตามหลัก ESG เช่น หุ้นไทยยั่งยืน ( Set ESG Ratings ) ที่อยู่ในระดับการประเมิน CG Rating จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ตั้งแต่ 90 คะแนนขึ้นไป และมีการเปิดเผยข้อมูลด้านบรรษัทภิบาล ตามรูปแบบของ กลต.กำหนด

3. ถ้าซื้อ Thai ESGก่อนปรับเงื่อนไข แล้วจะต้องใช้เงื่อนไขเก่าหรือใหม่

สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ผู้ซื้อกองทุนจะได้รับสิทธิหักค่าลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในอัตรา 30% ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 1 แสนบาท เมื่อถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปี
สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 ผู้ซื้อกองทุนจะได้รับสิทธิหักค่าลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในอัตรา 30% ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 3 แสนบาท และลดเวลาถือครองหน่วยลงทุนเหลือไม่น้อยกว่า 5 ปี
สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2570 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 ผู้ซื้อกองทุนจะได้รับสิทธิหักค่าลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในอัตรา 30% ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 1 แสนบาท เมื่อถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปี

4. ถ้าต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ต้องแจ้งความประสงค์กับ บลจ. ไหม

จำเป็นต้องแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับ บลจ. เพราะถ้าไม่ได้แจ้งจะไม่สามารถนำค่าซื้อหน่วยลงทุน ทั้ง Thai ESG , SSF, RMF ไปยกเว้นภาษีได้ แต่ถ้าหากในกรณีที่เคยแจ้งไว้แล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่จำเป็นต้องแจ้งซ้ำอีก ยกเว้นในกรณีเปลี่ยน บลจ.